สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์กรณีค่าโง่คดีโฮปเวลล์ เรียกร้องทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ปัญหาไม่ใช่ผลักภาระมาให้ รฟท.
วันที่ 25 เม.ย.2562 สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ออกแถลงการณ์วันที่ 24 เม.ย.2562 เรื่องความเสียหายของประเทศ “กรณีโฮปเวลล์” ต้องไม่ผลักภาระให้ รฟท. แต่ต้องร่วมกันหาทางออกเพื่อไม่ให้ความสูญเสียเกิดขึ้นแก่รัฐอีกในอนาคต จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา กรณีพิพาทระหว่าง บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด กับกระทรวงคมนาคม และศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เป็นยกฟ้องมีผลให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2551
โดย รฟท.ต้องคืนเงินชดเชยให้กับบริษัทโฮปเวลล์จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน 11,888 ล้านบาท โดยไม่รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และให้คืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท ที่ออกโดยธนาคารกรุงเทพ ประกอบด้วยเงินที่บริษัทได้ชำระเป็นค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์จากที่ดินของ รฟท.ถึงก่อนวันบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 2,850 ล้านบาท รวมถึงเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38 ล้านบาท และเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท
โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันนับคดีถึงที่สุด ซึ่งจากการคำนวณแล้วมูลค่าความเสียหายที่จะต้องชดใช้ประมาณ 58,000 ล้านบาทตามที่สื่อมวลชนและสื่อออนไลน์ได้แพร่กระจายเป็นที่รับรู้ของสังคมและเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในประเด็นต่างๆ ทั้งในเรื่องการตั้งคำถามถึงความไม่โปร่งใสของโครงการนี้ตั้งแต่ต้น การทำสัญญาของรัฐที่หละหลวม ความรับผิดชอบจะเป็นของใคร รวมถึงการทุจริตจากโครงการนี้ จนเกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และประชาชนทุกคนก็มีสิทธิในการตั้งคำถาม และร่วมกันตรวจสอบ เพราะเงินที่จะต้องจ่ายไปเป็นค่าความเสียหายเหล่านี้คือภาษีของประชาชน
ทั้งนี้ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย(สร.รฟท.)ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเกิดภาวะความตระหนก ตกใจ ไม่ได้แตกต่างจากประชาชนทั่วไป แต่ยิ่งกว่าด้วยซ้ำเมื่อมองถึงสถานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ขาดทุนสะสมจากนโยบายของรัฐบาลในการให้บริการแก่พี่น้องประชาชน คนยากจนทั่วประเทศคิดเป็น 92% จากผู้โดยสารทั้งหมดจนเกิดภาระหนี้สินสะสมถึงกว่า 100,000 ล้านบาท