เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ดร.ธรณ์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะกรมประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ เปิดเผยความคืบความการปิดฟื้นฟูบริเวณอ่าวมาหยาและอ่าวโล๊ะซามะ ในเขตหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ว่า
จากการประชุมที่ปรึกษาอุทยานทางทะเล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีมติว่า การตัดสินที่จะเปิดปิดการให้บริการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ โดยมีคำแนะนำของคณะที่ปรึกษาอุทยานทางทะเลประกอบการพิจารณา ซึ่งมีมติว่า กรมอุทยานฯ จะปิดอ่าวมาหยาไปอีก 2 ปี เพื่อรอให้สภาพระบบนิเวศ ระบบจัดการดูแลท่องเที่ยว และมาตรการลดผลกระทบ โดยจำกัดนักท่องเที่ยวบนฝั่ง และไม่ให้เรือเข้าไปในอ่าวมาหยาเหมือนสมัยก่อน
ดร.ธรณ์ กล่าวว่า การฟื้นฟูอ่าวมาหยาเป็นส่วนหนึ่งของพีพีโมเดล โดยเน้นข้อมูลประกอบเป็นสำคัญ อาทิ การศึกษาความสามารถการรองรับ การจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบป้องกันผลกระทบ เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ท่าเรือ บ้านพักเจ้าหน้าที่ เป็นต้น ซึ่งการจัดทำทั้งหมดจะเสร็จภายใน 1 ปีเศษ ในขณะเดียวกันกรมอุทยานฯ กำลังจัดทำระบบอี-ทิคเก็ต (e-ticket) และระบบติดตามเรือ ซึ่งถ้าสมบูรณ์จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดูแลจัดการท่องเที่ยว เป็นต้น
ที่สำคัญจะไม่เปิดให้เรือเข้าทางหน้าอ่าวอีกแล้ว เพราะฉะนั้นจะไม่มีผลกระทบต่อแนวปะการังที่กำลังฟื้นฟู หรือฝูงฉลามหูดำที่มาหากินบริเวณอ่าวมาหยา และต้องมีการติดตามระบบนิเวศ รวมถึงผลกระทบอื่นๆ เช่น ปะการังฟอกขาวที่อาจเกิดขึ้น
ด้านนายทรงธรรม สุขสว่าง ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า มีมติจากกรมอุทยานฯ แล้วว่าจะเปิดอ่าวมาหยาและอ่าวโล๊ะซามะอีก 2 ปี แต่ต้องมีเงื่อนไขว่าจะมีก่อนจะเปิดคณะกรรมการฯ จะเข้าไปตรวจสอบครั้งสุดท้ายอีกครั้งหนึ่งถึงความพร้อมของระบบนิเวศที่จะให้บริการกับนักท่องเที่ยว และจะต้องไม่เกิดความเสียหายอีก โดยมีการสร้างมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันความเสียหายของระบบนิเวศทั้งในน้ำและบนบก
“ภายหลังการเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวแล้ว จะต้องมีการติดตามตรวจสอบสถานภาพของทรัพยากรทุกทุก 3 เดือน เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เหมาะสมของในแต่ละวันหรือในแต่ละรอบของการเข้าชม เพื่อรักษาทรัพยากรที่มีให้คงอยู่” ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าว