วันที่ 13 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวานนี้ ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา หรือ ศูนย์ศึกษาจังหวัดอุดรธานี ถ.สามพร้าว-รอบเมือง ต.สามพร้าว อ.เมือง โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (ร่วมกับ เครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์แผนไทย , สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จ.อุดรธานี , สำนักงานประชารัฐ จ.อุดรธานี ร่วมจัดงานสัมมนาวิชาการ เรื่อง “องค์ความรู้ด้านกัญชากับการรักษาโรค(ยากัญชา)” โดยมีเกษตรกร ตัวแทนจากวิสาหกิจชุมชน จากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสานตอนบน เข้าร่วมสัมมนากว่า 400 คน
โดยมีวิทยากรจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา , ผู้แทนจาก เกษตรจังหวัดอุดรธานี , ผู้แทนจาก สนง.สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี , แพทย์แผนไทย , เภสัชกร และวิทยากรครูผู้อบรมการใช้กัญชาทางการแพทย์ พร้อมเครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย , สำนักงานกองทุน ฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดอุดรธานี , กองทุนฟื้นฟูกับการสนับสนุนปลูกกัญชา , ประชารัฐจังหวัดอุดรธานี และ ศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อแพทย์ไทย บรรยายให้ความรู้ถึงขั้นตอนในการที่จะได้อนุญาตปลูกกัญชา ข้อกฎหมาย แนวการดำเนินการ ที่จะสามารถปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ได้
นายองอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย เปิดเผยว่า กัญชานอกจากจะมีคุณสมบัติทางการแพทย์ คาดว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจสำหรับชุมชนได้ด้วย โดยกลุ่มชาวบ้านที่มีวิสาหกิจชุมชนที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรระดับรากหญ้า จึงคิดว่าอาจมีแนวทางที่สร้างรายได้ให้คนยากจนได้ จึงประสานไปหลายหน่วยงาน ที่สามารถจะปลูกกัญชาได้ หลักก็คือ มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาที่เป็นของรัฐ ที่เปิดสอนคณะแพทย์ คณะเภสัช และโรงพยาบาลของรัฐ
“ซึ่งวิสาหกิจชุมชนเป็นส่วนที่จะไปเชื่อมโยงทำ MOU กับสถาบันเหล่านี้ เพราะลำพังแล้ววิสาหกิจชุมชนจะไม่สามารถปลูกกัญชาได้ จะต้องผ่านทางมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลของรัฐ เท่านั้น เราจึงจัดการสัมมนาขึ้น เพื่อให้วิสาหกจชุมชน และเกษตรกร ระดับรากหญ้าที่ยากจน ได้ทราบถึงข้อกฎหมาย ข้อปฏิบัติ ขั้นตอนต่าง ๆ ในการที่จะปลูกกัญชาได้ เพือที่จะไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินการ เพื่อให้ทุกอย่างต้องถูกกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งกฎหมายลูกที่ยังไม่ออกมา แต่เราจัดขึ้นเพื่อเป็นการเตรียมการไว้ ซึ่งก็ยังไม่สามารถปลูกกัญชาได้ แต่ว่าเราเป็นการเตรียมความพร้อมไว้”
นายองอาจ กล่าวอีกว่า ถึงตอนนี้มีคนสนใจเยอะมาก แต่จะไปให้ถึงตรงนั้นได้ที่สามารถปลูกกัญชาได้นั้น อยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข อย. ที่จะอนุมัติให้พวกเรา เพราะถ้าไม่อนุมัติก็ไม่สามารถปลูกได้ คือ พวกเราต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย
น.ส.จิราพร เทพราช อายุ 35 ปี อยู่ที่ 157 ม.7 บ้านบัว ต.คำนาดี อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า ตนเป็นเกษตรกรที่ปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง และปลูกข้าว ซึ่งที่ผ่านมาราคาไม่ดี อยากได้พืชทางเลือกใหม่ เพื่อให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น ที่มาร่วมสัมมนาครั้งนี้ เพื่อต้องการทราบว่า เราจะปลูกกัญชาได้อย่างไร ต้องทำอย่างไร จะเริ่มต้นอย่างไร จึงไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งเราทราบเรื่องประโยชน์ของกัญชาทางยูทูป ทางโซเชี่ยลต่าง ๆ ว่ามันดีรักษาโรคได้ เพราะตัวเองก็ป่วยเป็นมะเร็งไทรอยด์ด้วย ก็เลยยิ่งสนใจ เพราคิดว่ากัญชาจะช่วยรักษามะเร็งของตนได้
ที่มา สำนักข่าวทีนิวส์
