“เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่เสนอขึ้นมา ผมต้องเคารพเสียงประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองมา แต่ละพรรคล้วนมีนโยบายดีๆ ก็ต้องยอมรับให้เข้ามาในคณะรัฐมนตรี อย่าคิดว่าเป็นการให้เก้าอี้ และผมได้เตือนกับพรรคการเมืองหลายอย่างแล้วว่า หลายอย่างทำไม่ได้แบบเดิม เพราะติดกฎหมาย รวมถึงคณะตรวจสอบ และอยู่ในการจับตาของประชาชน ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องผมจะมีปัญหาในการถูกอภิปรายในสภานั้น เชื่อว่าชี้แจงได้ ขออย่าใช้คำว่ากลัวหรือไม่ ขณะที่บุคคลที่เหมาะจะเป็นประธานสภาจะต้องเป็นคนที่รู้เรื่องงานในสภา ไม่ว่าในสภาอะไรก็แล้วแต่ ส่วนที่มีชื่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน จากพรรคประชาธิปัตย์ ถูกเสนอชื่อเป็นประธานสภานั้น ส่วนตัวผมไม่ทราบ ก็คงมีการคุยกันอยู่ ตำแหน่งประธานสภาต้องทำหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม ถูกต้องตามครรลอง ไม่ใช่ทำตามใจ และขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ด้วย สื่อต้องช่วยกันทำให้สังคมเรียนรู้ว่า นี่เป็นการจัดตั้งของรัฐบาล เมื่อมาอย่างนี้ก็ต้องไปอย่างนี้ ทุกคนให้ความสำคัญต่อการเลือกตั้ง ขณะที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐก็ไม่ได้เข้ามาหารือกับผมเลย ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรคไปก่อน แต่ท้ายที่สุดคนที่ตัดสินใจ คือนายกฯคนใหม่ ซ จะได้ใครก็ยังไม่รู้เลย เพราะยังมีเต็ง 2 เต็ง 3 อยู่ด้วย 4 กระทรวง คือ กระทรวงกลาโหม มหาดไทย คลัง คมนาคม ก็ควรจะอยู่กับฝ่ายความมั่นคงและพรรคหลักหรือไม่ เพื่อดูแลให้เดินหน้าไปได้ ขอย้ำว่าผมไม่หวงผลประโยชน์ ผมไม่เคยมีผลประโยชน์ ส่วนกระทรวงการคลังและคมนาคม เขาคุยกันอยู่ ให้เขาคุยกันก่อน ถ้าผมเป็นนายกฯก็ค่อยมาดูกันอีกที ซึ่งไม่น่าเปลี่ยนแปลง ถ้าคุยกันได้ แต่ละพรรคขออย่ากังวล เพราะผมให้เกียรติทุกพรรค และหลักการที่จะต้องดูสัดส่วนความเหมาะสมของพรรคร่วม ทั้งคะแนนการเลือกตั้งมาพิจารณาด้วย ส่วนใครจะเหมาะสมตรงไหน ก็ค่อยว่ากันอีกที เราจะเดินหน้าไปแบบนี้ แม้คะแนนใกล้เคียงกัน ก็ขอให้บ้านเมืองไปได้ก่อนจะได้ไหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะอยู่ช่วยงานต่อหรือไม่ ถ้าพูดถึงอยาก ก็โอเค อยาก เพราะไว้ใจกันมา แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองด้วย ว่าจะรับแค่ไหน รวมถึงเรื่องสุขภาพด้วย ผมเป็นห่วงกังวลตรงนี้ เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องชวน ถึงเวลาก็คุยกัน แต่ยังไม่ได้ถามท่าน รวมถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จะมาช่วยงานหรือไม่ ก็แล้วแต่ท่าน เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่ผมเพียงคนเดียว การบริหารจัดการพรรคร่วมรัฐบาลที่มีกว่า 20 พรรค ก็ขึ้นอยู่กับการพูดคุยร่วมมือกัน ไม่ว่าจะ 30 หรือ 50 พรรค ก็ช่าง แต่ต้องดูว่าทุกคนทำจริงอย่างที่กล่าวว่า ทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลักหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน แล้ววันหน้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกก็ได้ วันหน้าจะเป็นอะไรก็ยังไม่รู้ ส่วนตัวถ้าไม่เป็นก็กลับบ้านนอน แล้วทุกคนจะคิดถึงผม วันนี้ไม่อยากให้คำว่าต่อรองตำแหน่งกัน เพราะเป็นหารือกันถึงความเหมาะสมกับตำแหน่ง ผมไม่ได้พูดคุยกับพรรคอื่นๆ เพราะเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่ารัฐบาลผสมจะมีอายุไม่ยืนนั้น คิดว่า ไม่ยืดก็ไม่ยืด ก็แล้วแต่ว่าเราจะทำให้ยืดหรือไม่ แต่ต้องให้เวลาในช่วงเปลี่ยนผ่านบ้าง ต้องยอมรับกติกาประชาธิปไตย สิ่งที่ผมต้องปรับอีก เช่น การพูดให้ช้าลง ทำหน้างอให้น้อยลง เป็นต้น พรรคภูมิใจไทย ไม่ทราบว่าจะได้ตำแหน่งรมว.สาธารณสุข ไปเพื่อเดินหน้าเรื่องกัญชาเสรีหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีก จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้พรรคร่วมมาเสริมทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็สามารถช่วยได้หลายอย่าง เป็นรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วย ที่ปรึกษา หรือผู้ช่วยรัฐมนตรีก็ได้มีตำแหน่งจำนวนมาก ถ้าทุกคนมุ่งแต่จะเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีก็มีตำแหน่งเดียว ที่มีการปรามาสรัฐบาลหน้าอายุไม่ยาว ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งประเทศ สื่อและโซเชียลมีเดียขอร้องให้ลดเรื่องเฮดสปีด ขอร้องคนไทยด้วยกัน ต้องอยู่ประเทศนี้ แยกกันไม่ได้ ข่าวลือก็คือข่าวลือ เปิดเจอเห็นข่าวตั้งรัฐบาลกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อไม่มี มาตรา 44แล้ว ก็ต้องใช้กลไกประชาธิปไตยเต็มที่”
ข้างต้น เป็นความโดยสรุป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดใจกับคณะนักข่าว ระหว่างร่วมกินข้าวเที่ยงที่รังนกกระจอก ทำเนียบรัฐบาล 17 พ.ค.2562
matemnews.com
17 พฤษภาคม 2562