Home มาเต็มกัญชา หมอยืนยัน – ยังไม่มียาจากน้ำมันกัญชาที่มีผลต่อการรักษาโรคมะเร็งโดยตรง  

หมอยืนยัน – ยังไม่มียาจากน้ำมันกัญชาที่มีผลต่อการรักษาโรคมะเร็งโดยตรง  

422
0
SHARE

 

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงข่าวเมื่อบ่าย 22 พ.ค.2562 ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปข้อมูลตัวเลขผู้มายื่นขอนิรโทษกรรมกัญชาที่ชัดเจน แต่คาดว่าจะมีผู้มายื่นรวมทั้งหมด 20,000 กว่าคน  จะครอบครองกัญชาต่อไปได้อีก 3 เดือน หรือ 90 วัน นับจากวันที่ 21 พ.ค. 2562 ก็จะพอดีกับการที่จะมีกัญชาในระบบขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) ใน ปลาย ก.ค.-ส.ค.

 

จากการสังเกตผู้ที่มาขอ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น  ทาง อย.มีระเบียบหลักเกณฑ์ที่แน่ชัดว่า ผู้มายื่นขอนิรโทษต้องไม่ใช่เยาวชน หรือ ถ้าเป็นเยาวชนที่ป่วยต้องได้รับคำยินยอมจากผู้ปกครอง ขณะเดียวกันการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค ในกฎหมายเขียนชัดว่า ต้องไม่ใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะจะมีปัญหาทางสมอง และในใบสั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์ กำหนดให้ใช้กัญชาในผู้ป่วยที่มีอายุ 25 ปี เท่ากับประเทศออสเตรเลีย ยกเว้นโรคลมชักในเด็กที่กัญชาในประสิทธิผลดีในการรักษาเท่านั้น

 

จากการยื่นนิรโทษกรรมกัญชา ทำให้ขณะนี้ได้รับรายงานจากหลายโรงพยาบาล พบ ผู้ป่วยที่มีอาการ ปวดศีรษะ วูบ สลบ คลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว มารับการรักษาในห้องฉุกเฉินมากขึ้น  เมื่อสอบถามพบว่า เกิดการจากทดลองใช้กัญชา และคาดว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะพบผู้ป่วยในลักษณะอาการเช่นนี้มากขึ้น จึงเตรียมประสานให้มีการเก็บข้อมูลผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน ขณะเดียวกันประสานกรมการแพทย์ ให้มีการอบรมแพทย์ เภสัชกร ให้รู้ผลข้างเคียงหรือฤทธิ์จากการใช้กัญชา   เชื่อว่าแต่ก่อนไม่พบผู้ป่วยมากขนาดนี้ เพราะเดิมกัญชายังไม่อนุญาตใช้ทางการแพทย์ และอยากให้เข้าใจว่า กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษรักษาได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิต หรือหัวใจ รวมถึงอาการทางจิตเวช   ก็อาจได้รับผลข้างเคียงจากกัญชา เพราะการใช้กัญชา ยังไม่มีการกำหนดขนาดที่เหมาะสม และสายพันธุ์ของกัญชาก็ให้สารและฤทธิ์ที่แตกต่างกัน บางตัวมีสาร  THC สูง ทำให้เกิดอาการหลอนได้

 

นพ.เพชร อลิสานันท์ แพทย์รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แถลงว่า ปัจจุบัน ยังไม่มียาจากน้ำมันกัญชาที่มีผลต่อการรักษาโรคมะเร็งโดยตรง  แต่พบผู้ป่วยมะเร็งหาน้ำมันกัญชามาใช้เอง  ทำให้ได้รับผลข้างเคียง เช่น เมา คลื่นไส้ นอนเยอะ  คำว่าให้น้ำมันกัญชาได้หรือไม่ได้นั้น  ต้องให้แพทย์เป็นผู้พิจารณา และจริงๆ เราจะต้องแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม

 

กลุ่มแรก  คนไข้ที่ไม่มีแนวทางการรักษาโรคมะเร็งจำเพาะแล้ว กลุ่มนี้สามารถใช้ได้ ไม่น่าเป็นห่วง เพราะอาจจะมีประโยชน์ และจริงๆ อาจจะช่วยให้คนไข้ พักผ่อนได้ นอนหลับ บรรเทาปวด แต่ก็ต้องดูที่ปริมาณที่ใช้ด้วย เพราะถ้าใช้มากเกินไปก็มีผลกระทบ

 

กลุ่มที่ 2 คือ ยังมีแนวทางการรักษาโรคมะเร็งที่ใช้ได้ แต่กลับทิ้งการรักษาเพื่อไปใช้น้ำมันกัญชาอย่างเดียว ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก  พบว่ามีจำนวนหนึ่ง เนื่องจากว่าผู้ป่วยเข้าใจผิดว่า กัญชาใช้รักษามะเร็งได้  ยิ่งคนที่สนับสนุนกัญชาบอกว่าให้ใช้ควบคู่กันไปก็เลยยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ตกลงแล้วการรักษาได้ผลเพราะอะไร   ยืนยันว่าเราไม่ได้ขวางเรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์  เพราะตนก็มองว่ากัญชายังเป็นพืชที่มีโอกาสเอามาใช้ทางการแพทย์ได้ แต่ตอนนี้ยังดำเนินบนขั้นตอนที่ไม่ถูกต้องบ้าง จึงอยากให้มีการทบทวนให้ดี อย่ามองว่ากัญชาคือยาวิเศษ แต่ต้องมองว่ามัน คือ  ยาตัวหนึ่ง ฉะนั้นถ้ามองแบบนี้ก็ต้องผลักดันให้ผ่านตามขั้นตอนปกติที่เป็นไปตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ และเป็นไปตามกฎหมาย บางคนบอกว่ารอไม่ได้ ส่วนตัวคิดว่าไม่จริง  เพราะถ้าเร็วไปแล้วไม่ได้ผล หรือมีผลกระทบใครรับผิดชอบ ดังนั้นอยากให้สังคมคิดให้ช้าลงนิดหนึ่ง เราไม่ได้ปฏิเสธ แต่มันมีขั้นตอนของมันอยู่ สิ่งที่ตนกังวลทุกครั้งที่มีแพทย์ออกมาให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งมักถูกโจมตีรับเงินจากบริษัทยามาหรือไม่  ยืนยันว่าไม่จริง  การที่แพทย์หลายคนออกมาพูดเพราะเป็นห่วงคนไข้

 

matemnews.com 

22 พฤษภาคม 2562