จากกรณีวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมเยาวชนชาวลาหู่ และนายอะเบ แซ่หมู่ กลุ่มชาติพันธุ์ลีซอ ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2560 ต่อมาศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ตัดสิน ว่า นายชัยภูมิ และนายอะเบ ถูกอาวุธของทหารสังหาร เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
วันที่ 22 พ.ค.2562 นายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายความของครอบครัวนายชัยภูมิ ป่าแส และครอบครัวนายอะเบ แซ่หมู่ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรมในช่วงต้นปี 2561 ยื่นฟ้องต่อศาลเพ่งเรียกร้องค่าเสียหายจากกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของคู่กรณี ซึ่งเป็นทหารทั้งคู่ โดยเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวนายชัยภูมิ 4 ล้านบาท และครอบครัวนายอะเบ 7 ล้านบาท
ในส่วนของการฟ้องเพ่งนี้สืบเนื่องจากศาลจังหวัดเชียงใหม่มีคำพิพากษาว่าทั้งสองกรณีเสียชีวิตจากการถูกพลทหารใช้ปืน m16 ยิงจนถึงแก่ความตาย โดยทั้ง 2 เหตุการณ์มีความคล้ายคลึงกัน และเกิดเหตุในระยะเวลาที่ห่างกันเพียงแค่ 1 เดือน นายอะเบ แซ่หมู่ เสียชีวิตในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 โดยทหารประจำด่านตรวจบ้านรินหลวง และนายชัยภูมิ ป่าแส ถูกทหาร ประจำอยู่ด่านบ้านรินหลวงยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560
ทั้งสองเหตุการณ์มีลักษณะคล้ายกันคือ มีการอ้างถึงการค้นหายาเสพติดและการต่อสู้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าคำพิพากษาจากศาลเชียงใหม่ ระบุว่าทหารเป็นผู้ยิงนั้น ทหารได้ละเมิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย อีกทั้งในเหตุการณ์มีพยานซึ่งเป็นชาวบ้าน ยืนยันให้การในชั้นศาลว่า การยิงนั้นไม่ได้เป็นการป้องกันตัวตามที่ทหารได้กล่าวอ้างไว้
ส่วนข้อสงสัยกรณีภาพจากกล้องวงจนปิด 9 ตัว นายรัษฎา ระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นภาพคลิปกล้องวงจรปิดทั้ง 9 ตัวที่ด่านริมหลวงเลย ซึ่งที่ผ่านมา ทนายความของฝั่งทหารใช้วิธีเขียนเป็นสำนวนประกอบโดยบันทึกเป็นผลการสอบสวนของแม่ทัพภาคที่ระบุว่าได้ดูภาพกล้องวงจรปิด โดยตนเชื่อว่าภาพของกล้องวงจรปิดได้ถูกทำให้หายไป
ขณะที่นางนาปอย ป่าแส มารดาของนายชัยภูมิ ป่าแส กลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ และนางอะหมี่มะ แซ่หมู่ มารดาของนายอะเบ แซ่หมู่ ชาวชาติพันธุ์ลีซู ได้เดินทางมาที่ศาลเพ่งรัชดาด้วย โดยให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากสูญเสียบุตรชายไป มารดาของชัยภูมิเป็นโรคซึมเศร้า และวันนี้ต้องการความยุติธรรม หลังต้องสูญเสียบุตรชายไปถึง 2 ปีแล้ว ครอบครัวต้องเผชิญความยากลำบาก เพราะขาดเสาหลักของครอบครัวไป ด้านนายไมตรี จำเริญสุขสกุล ผู้ดูแลนายชัยภูมิ ป่าแส เปิดเผยว่า การเสียชีวิตทั้ง 2 คน เป็นการกระทำเจ้าหน้าที่ ซึ่งยืนยันว่าไม่มีการพบค้าหรือสารเสพติด
สำหรับการดำเนินคดีทางอาญา ในขณะนี้ต้องให้ตำรวจเจ้าของคดีรับมอบสำนวนการไต่สวนการตายจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่มีคำสั่งแล้ว เพื่อส่งอัยการศาลทหาร ยื่นฟ้องคดีต่อศาลทหารตามขั้นตอนต่อไป แต่ยอมรับว่ากฎหมายศาลทหารนั้นปิดช่องทางไม่ให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเข้าไปมีส่วนร่วมฟ้องคดีกับศาลทหาร จึงต้องฟ้องศาลเพ่งเดินหน้าควบคู่กัน โดยวันนี้ได้ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล เนื่องจากทั้งสองครอบครัวมีญานะยากจน และคาดการว่าศาลเพ่งจะนัดชี้สองสถานหรือกำหนดแนวทางการดำเนินคดีหรือสืบพยานโจทก์ วันที่ 22 กรกฎาคม 2562
ที่มา ข่าวเวิร์คพ้อยท์