Home ข่าวทั่วไปรอบวัน โดนอัดเสียงโทรศัพท์เปิดให้ กกต.ฟัง – ผู้สมัคร ส.ว.บุรีรัมย์สัญญาจะให้โดนตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี

โดนอัดเสียงโทรศัพท์เปิดให้ กกต.ฟัง – ผู้สมัคร ส.ว.บุรีรัมย์สัญญาจะให้โดนตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี

390
0
SHARE

 

 

เวลา 14.00 น. วันที่ 22 พ.ค.25862  องค์คณะผู้พิพากษาแผนกคดีเลือกตั้ง  ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง  ออกนั่งบัลลังค์  อ่านคำสั่ง คดีหมายเลขดำ ลต.(ส.ว.) 2/2562 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งวินิจฉัยและมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของ

 

นายบรรจบ นามวิเศษ

 

อายุ 60 ปี  อาชีพรับราชการ ผู้คัดค้าน เป็นผู้สมัครรับคัดเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว. )อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ โดยศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ไต่สวนและตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า

 

นายบรรจบ ผู้คัดค้าน เป็นผู้สมัครรับเลือกเป็น ส.ว. อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ กลุ่มการศึกษาและสาธารณสุข ต่อมาผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือพรรคการเมือง หรือการกระทำใดๆ ที่เป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม  โดยเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.61 เวลาประมาณ 10.00 น.  นายบรรจบใช้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ว. หญิงคนหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์กลุ่มเดียวกัน  พูดคุยในลักษณะชักชวนให้ไปลงคะแนนเสียงให้  แล้วจะ คืนค่าสมัครส.ว.ให้   ผู้สมัครหญิงคนนั้นได้เปิดคลิปเสียงสนทนาให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดฟัง  และได้รายงานต่อกกต. กลาง   กกต.ไต่สวนแล้ว เห็นว่าการกระทำของ   ผู้คัดค้าน เป็นการสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิ์เลือกลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้าน เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2561 มาตรา 77 (1 ) ทำให้การเลือกตั้ง ส.ว.ไม่เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม จึงมีคำสั่งให้ระงับสิทธิสมัครเลือกตั้ง ส.ว.ของ  นายบรรจบ ไว้เป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 1 ปีตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 224 (4) และ มาตรา 225

 

การกระทำของ นายบรรจบ  เป็นการทำให้การเลือก ส.ว. ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่  ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ฯ มาตรา 61 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ประกอบรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 226 ววรคสาม บัญญัติว่า ก่อนการประกาศผลถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้ง กระทำให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี   โดยข้อเท็จจริง ได้ความจากการไต่สวนว่า ก่อนมีการเลือก ส.ว.ระดับจังหวัด  นายบรรจบ โทรศัพท์ไปหาบุคคลคนหนึ่งแล้วพูดว่า “ให้ไปลงคะแนนให้ผมระดับจังหวัด เดี๋ยวผมจะให้ค่าสมัครคืน…” ซึ่งข้อความดังกล่าวมีความหมายว่า ในการเลือก ส.ว.ระดับจังหวัดหากบุคคลนั้นเลือก  นายบรรจบ ก็จะให้ผลประโยชน์ตอบแทน โดยจะจ่ายเงินจำนวนเท่ากับค่าสมัครคืนให้ อันเป็นการจูงใจให้เลือก นายบรรจบ  และเป็นการเอาเปรียบผู้สมัครรายอื่นทำให้เจตนารมณ์ของการเลือก ส.ว. ที่ต้องการคนดี และบุคคลซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์อาชีพหรือทำงานด้านต่างๆ ที่หลากหลายของสังคมเข้าไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนในวุฒิสภานั้นต้องเสียไป

 

ดังนั้นการกระทำของ นายบรรจบ จึงเป็นการสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิ์เลือกลงคะแนนให้แก่ตน อันมีผลทำให้การเลือก ส.ว.ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม นายบรรจบ จึงต้องถูกเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 226 วรรคสาม และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ฯ มาตรา 61 วรรคสอง  จึงพิพากษา ให้เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของ นายบรรจบ นามวิเศษ ผู้สมัคร ส.ว.เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา เป็นต้นไป

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นรากแรกของการเลือกตั้งปี 2562 ที่โดนตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี  นายบรรจบ ไม่มาฟังอ่านคำพิพากษา มีเพียงเจ้าหน้าที่กกต.มาศาล

 

matemnews.com 

22 พฤษภาคม 2562