เฟชบุ้ค Suvinai Pornavalai
บทพิสูจน์มาร์ค อภิสิทธิ์หลังจากนี้ / สุวินัย ภรณวลัย
ถ้ามาร์คพาพวกนิวเดม ออกมาสร้างพรรคหัวก้าวหน้า เพื่อแข่งในตลาดเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ของธนาธร ผมเห็นด้วยเต็มที่เลยนะ
และคุณอาจจะเป็นฮีโร่ (Hero)ของสังคมไทยในวันข้างหน้าก็เป็นได้
แต่ถ้าคุณแค่ลาออกมาเฉยๆเพราะรับไม่ได้ที่ โลกไม่เป็นตามใจตัวเอง …. นั่นมันก็แค่อีโก้ ( Ego)ของคุณที่คุณไม่รู้ทันตัวเองเท่านั้น
กาลเวลาหลังจากนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวคุณเองว่าคุณเป็นทองแท้ เป็นของจริง และคนจริงหรือไม่
แต่ถ้าวัดแค่ความมุ่งมั่นอย่างเดียวล้วนๆตอนนี้ คุณยังห่างชั้นกับธนาธรเป็นร้อยเท่า
……………………….
Suvinai Pornavalai
ชัยชนะของวาทกรรม “ประชาธิปไตยต้านเผด็จการ” กับความพ่ายแพ้ทางการเมืองอย่างย่อยยับของอภิสิทธิ์ / สุวินัย ภรณวลัย
อภิสิทธิ์พ่ายแพ้ทางการเมืองในเชิงความคิดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว ในฐานะผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ตอนนั้น
เพราะอภิสิทธิ์ได้ยอมสยบแบบจำนนต่อ วาทกรรม
“ประชาธิปไตยต้านเผด็จการ”ของพวกนักวิชาการฝ่ายเสื้อแดงและฝ่ายสีส้ม ที่ผันเปลี่ยนจากวาทกรรม “ต้านอำมาตย์ คนเท่าเทียมกัน”ในอดีตที่เป็นที่มาของขบวนการนปช.หรือขบวนการคนเสื้อแดงในปี 2553 ที่เกิดการเผาเมืองและอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ
ในช่วงก่อนเลือกตั้ง ยิ่งอภิสิทธิ์ไปร่วมอภิปรายกับธนาธร อภิสิทธิ์ก็ยิ่งหวั่นไหวทางความคิด เพราะวาทกรรม “ประชาธิปไตยต้านเผด็จการ” ของฝ่ายธนาธรนั้นตกผลึกในเชิงชุดความคิดแบบลิเบอรัลยิ่งกว่าความคิดของตัวอภิสิทธิ์เอง
อภิสิทธิ์ถูกกลืน ถูกครอบงำทางความคิดโดยวาทกรรม “ประชาธิปไตยต้านเผด็จการ”ของฝ่ายธนาธรโดยไม่รู้ตัว และยอมสยบจำนนอย่างสิ้นเชิงต่อชุดวาทกรรมนี้
ความพ่ายแพ้ทางการเมืองของอภิสิทธิ์ในฐานะผู้นำพรรคปชป.ในตอนนั้นช่วงก่อนเลือกตั้ง มันถูกกำหนดล่วงหน้าไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น เพราะอภิสิทธิ์ขาดคุณสมบัติของผู้นำที่เป็นนักยุทธศาสตร์ ที่ติดดินแบบยึด Real Politics และยึดประโยชน์สุขของบ้านเมืองในภาพรวมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
อภิสิทธิ์ทำตนเป็นนักวิชาการในคราบนักการเมืองที่พ่ายแพ้แบบสยบยอมจำนนต่อวาทกรรม “ประชาธิปไตยต้านเผด็จการ” ของนักการเมืองอีกฝ่ายที่มุ่งชิงอำนาจรัฐกลับคืนมาให้ระบอบทักษิณอีกครั้งในนาม “ประชาธิปไตย”ที่เป็นแค่ข้ออ้างเชิงวาทกรรมเท่านั้น
………………………..
Suvinai Pornavalai
ปุจฉา : วาทกรรม ประชาธิปไตยต้านเผด็จการ มันใช้งานได้ดีมากเลยครับท่านอาจารย์
จะสร้างวาทกรรมอะไรมาสู้ดีละครับ
วิสัชนา : มีแต่วาทกรรม”การเมืองเชิงบูรณาการ” ที่ก้าวข้ามแต่หลอมรวมแนวคิดลิเบอรัลเข้าไปด้วยเท่านั้นถึงจะชี้นำสังคมไทยหลังจากนี้ได้ ไม่ยังงั้นก็รอวันพ่ายแพ้เชิงอำนาจ เพราะเวลาเป็นของพวกเขาจริงๆ
แต่จุดอ่อนของพวกเขาคือเข้าไม่ถึงธรรม และธรรมาธิปไตย
การสร้างวาทกรรมการเมืองเชิงบูรณาการ (Integral Politics) คือต้องเสริมจุดแข็งของแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมด้วย คุณค่าเชิงจิตวิญญาณด้านใน เข้าใจแนวทางยกระดับจิต การพัฒนาจิตเชิงโครงสร้าง แบบแนวคิดที่เปิดกว้าง
และในขณะเดียวกันก็ต้องหลอมรวมแนวคิดเชิงโครงสร้างนิยมและหลังโครงสร้างนิยมที่เป็นจุดแข็งของพวกลิเบอรัลเข้าไปอยู่กับแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมให้จงได้ จะเรียกว่า สายอนุรักษ์นิยมหัวก้าวหน้าก็ได้ หรือจะเรียกว่า สายบูรณาการแบบที่ผมเรียกตัวเองหรือนิยามตนเองว่าสังกัดอยู่แนวคิดนี้ก็ได้
ประชาธิปไตยไม่ใช่สถานีสุดท้ายของบ้านเมืองหรอก ธรรมาธิปไตยภายใต้วิชั่นเชิงบูรณาการ (Integral Vision) ต่างหากที่ใช่ อย่างน้อยก็ในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้าที่ผมมองเห็นนะ
ถ้าดูจากสภาวะจิต คนที่มีระดับจิตสูงพอ มีวุฒิภาวะมากพอที่จะนำพาผู้คนก้าวข้ามความแตกแยกไปได้ อยู่ฝ่ายนี้ที่มีธรรมประจำใจนะ แต่คงใช้เวลาอีกยี่สิบปีเป็นอย่างต่ำ พร้อมๆกับแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี
เรายังไม่มีผู้นำแบบนี้ในสมัยนี้ มันเป็นเรื่องของผู้นำในอนาคตหลังการล่มสลายของอารยธรรมทุนนิยมในอนาคตอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้านี้
matemnews.com
5 มิถุนายน 2562