วันที่ 10 มิ.ย.62 องค์การเภสัชกรรมได้เผยแพร่ผ่านเวปไซด์ www.gpo.or.th โดยย้ำว่า ขั้นตอนปลูก ผลิตกัญชาทางการแพทย์ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ คุณสมบัติของผู้ขออนุญาตปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์นั้น ต้องดำเนินการในสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ต้องจัดทำแนวเขตพื้นที่การเพาะปลูกที่เห็นได้ชัด และ จัดให้มีการสุ่มวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบหาปริมาณสารสำคัญในกัญชา เช่น CBD, THC สารปนเปื้อน โลหะหนัก ฯลฯ ในการปลูกทุกครั้งตามมาตรฐานกำหนดและเก็บหลักฐานการตรวจอย่างน้อย 3 ปี กรณีไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ ต้องจัดให้มีการสุ่มวิเคราะห์โดยผู้รับอนุญาตอื่นที่รับผลผลิตจากผู้รับอนุญาตปลูกไปดำเนินการแปรรูปหรือผลิตต่อไป
ทั้งนี้ นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ให้ข้อมูล เพิ่มเติมว่า ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฉบับที่ 7 พ.ศ.2562 มีอีกหลายหน่วยงาน ที่สามารถทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ได้ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ หรือร่วมกับหน่วยงานของรัฐสามารถทำได้หมด ในส่วนของการแจ้ง เพื่อขอทำการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์นั้น ก็ยังสามารถทำได้ตลอด เนื่องจากกฎหมายมีการอนุญาตให้ขออนุญาตได้ แต่ต้องเป็นหน่วยงานรัฐ จะเป็นหน่วยงานรัฐใดก็ได้
อนึ่ง ข้อมูลล่าสุดที่มีการประสานเพื่อขออนุญาตปลูก ผลิต รวมทั้งวิจัยกัญชาทางการแพทย์ มีประมาณ 6-7 หน่วยงานที่มาขออนุญาต เช่น โรงพขาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ร่วมกับวิสาหกิจหมชน และโรงพขาบาลพระอาจารย์ฟื้น อาจาโร ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) เป็นต้น ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาเบื้องตันเเล้ว
ที่มา องค์การเภสัชกรรม