“นโยบายกัญชาเป็นนโยบายที่เราจะทิ้งไม่ได้ เราเริ่มนโยบายนี้จากตัวเราเอง และพูดคุยกับประชาชน พบว่าคนไทยจำนวนมาก เมื่อเข้าสู่วัยหนึ่งจะมีอาการปวดหัว ปวดตัว ต่อมาเราศึกษาพบว่าในทางการแพทย์แผนไทย สามารถใช้กัญชารักษาได้ ตรงนั้นคือตัวจุดประกายความคิด ก่อนที่เราจะลองไปพูดคุยกับภาคส่วนต่างๆ ล้วนเห็นด้วยว่าควรผลักดันกัญชาให้เป็นพืชเศรษฐกิจ และพืชทางการแพทย์ แม้กระทั่งทางรัฐบาลก็เริ่มต้นเรื่องกัญชา แต่กฎหมายมีข้อจำกัดมากไป เราจะเข้าไปผ่อนปรนให้ประชาชนได้ประโยชน์จากกัญชาอย่างเท่าเทียม ที่สุดแล้วพรรคจึงบรรจุเรื่องนี้เป็นนโยบายหาเสียง ในอนาคต อยากให้ใครก็ตามที่ปวดหัว นอนไม่หลับ รับประทานลำบาก เมื่อคุณมีใบรับรองแพทย์ คุณไปซื้อน้ำมันกัญชากับเภสัชกรได้เลย กัญชาพันธุ์ไทยเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก แต่เราต้องพัฒนาสายพันธุ์ให้ดียิ่งขึ้นไปให้เป็นพันธุ์ที่อยู่ในระดับของเมดิคัลเกรด หรือเป็นพันธุ์ที่เหมาะแก่การใช้ทางการแพทย์ ผมคิดว่าสมควรให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญไปดูแลรับผิดชอบ จากนั้นแจกจ่ายให้ชาวบ้านไปปลูก เป็นยาประจำบ้าน และเป็นรายได้เสริมของประชาชนอีกช่องทางหนึ่ง ข้อกังวลประชาชนจะติดกัญชา ในฐานะของยาเสพติด เราต้องมีกฎหมายมาจัดการเรื่องนี้ การปลูก การแปรรูป การซื้อขายต่างๆ ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ แต่ไม่ใช่ไปเอื้อให้บางคนบางกลุ่มเข้ามาผูกขาด ผมมั่นใจว่าคนไทยมีความรู้ผิดชอบ รู้ว่าควรใช้ปริมาณเท่าไร จึงจะเหมาะสม นอกจากนั้น เรามองในเรื่องของการพัฒนาสินค้าจากกัญชงด้วย เนื่องจากมีสรรพคุณทางการแพทย์คล้ายกับกัญชา และยังสามารถใช้เส้นใยมาผลิตสินค้าอื่นได้ด้วย ในส่วนของกัญชง เราสนับสนุนให้เป็นวิสาหกิจชุมชน ผมเพิ่งลงพื้นที่ไปโรงพยาบาลละงู จ.สตูล เห็นผู้ป่วยติดเตียง ก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าผู้ป่วยได้ยากัญชา คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยจะดีขึ้นหรือไม่ สำหรับประชาชน ถ้าเข้าถึงกัญชาได้ง่ายขึ้น ชีวิตของพวกเขาน่าจะดีขึ้น เพราะมีราคาถูกกว่ายาแผนปัจจุบัน ”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์นักข่าว 21 มิ.ย.2562
matemnews.com
21 มิถุนายน 2562