http://www.thaigov.go.th/
นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวผลสำเร็จของการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการระหว่างไทยและกัมพูชา ครั้งที่ 3 Joint Cabinet Retreat (JCR)
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 7 ก.ย.60 ที่ห้องพิจารณา 301 ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหาบุรานุกิจ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีลอบวางระเบิดหมายเลขดำ อ.8979/2559 ที่อัยการจังหวัดมีนบุรีเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.อัมพร ใจก้อน หรือครูแขก อายุ 57 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ แนวร่วมกลุ่มประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ ซื้อ มี ใช้ สั่งหรือนำเข้า วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ , ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ตามความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดฯ มาตรา 38 , 55 ,78
กรณีเมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 มี.ค.57 เกิดเหตุระเบิด ที่บริเวณลานดินกว้าง ติด ถ.ราษฎร์อุทิศ ระหว่าง ซ.ราษฎร์อุทิศ 25-27 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และรถจยย. ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ได้รับความเสียหาย ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าก่อนเหตุนายกษิ ดิฐธนรัชต์ หรือนายอ่าว อิสระส์ เป็นบุคคลที่มาติดต่อเช่าบ้านที่เกิดกับพวกเพื่ออาศัย
จำเลยให้การให้ปฏิเสธต่อสู้คดีมาโดยตลอด
โดยวันนี้ศาลเบิกตัว น.ส.อัมพร หรือครูแขกมาจากเรือนจำพิเศษมีนบุรี มาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์มีพนักงานสอบสวน เบิกความว่า จากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุมีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่นพื้นที่ จ.นนทบุรี โดยทำแผนผังความเชื่อมโยงกับนายกษิ ดิฐธนรัชต์ หรือนายอ่าว อิสระส์ ผู้ที่กระทำผิดร่วมซึ่งเชื่อมโยงกับจำเลย
อย่างไรก็ตามโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่ยืนยันว่า จำเลยเป็นผู้กระทำความผิด ขณะที่พยานบอกเล่า และพยานแวดล้อมเพียงบอกว่า มีผู้หญิงมาพบกับนายกษิ ที่บ้านเช่าเลขที่ 49 ซึ่งโจทก์ระบุว่าเป็นที่ใช้ประกอบวัตถุระเบิด แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวจำเลยได้ พยานกลับไม่ชี้ตัวยืนยันว่าเป็นตัวจำเลยโดยระบุเพียงว่า ผู้หญิงที่เห็นนั้นมีอายุมากกว่าจำเลย พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีความแน่นอนชัดเจน
ส่วนหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า จำเลยไปที่บ้านพักเลขที่ 49 เนื่องจากลายนิ้วมือเป็นคนละคนกับของจำเลย พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่มีน้ำหนักมั่นคงเพียงพอจะเอาผิดจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องได้ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของจำเลย พิพากษายกฟ้อง
ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ คุมตัว น.ส.อัมพร หรือครูแขก กลับเข้าเรือนจำพิเศษมีนบุรีทันที โดยระหว่างรอขึ้นรถเรือนจำ น.ส.อัมพร ยิ้มและยกมือไหว้พร้อมกล่าวว่า “สื่อควรจะให้ความเป็นธรรมในคดีด้วยนะคะ และดิฉันก็ก็มีความมั่นใจในกระบวนการตุลาการ”
ด้าน น.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ศาลพิพากษายกฟ้อง และให้ความเป็นธรรม ครูแขกจะได้รับการปล่อยตัวเสียที เชื่อว่าครูแขกบริสุทธิ์ จริง ๆหลังจากถูกคุมขังมานาน ส่วนจะฟ้องกลับเจ้าหน้าที่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับครูแขกว่าจะดำเนินการหรือไม่ ส่วนคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ที่ จ.นนทบุรี คดีนั้นศาลอาญาก็ยกฟ้องโดยอัยการยื่นอุทธรณ์คดีแต่เมื่อศาลไม่ได้สั่งขังระหว่างอุทธรณ์ ครูแขกก็จะได้รับการปล่อยตัวเช่นกันจากคำพิพากษาที่ยกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ “ครูแขก” ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก. 3 บก.สส.ภ. 5 และทหาร จับกุมตัวตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีที่ 948/2557 ข้อหาร่วมทำให้เกิดระเบิดได้เมื่อวันที่ 31 ส.ค.59 ภายในบ้านพักที่ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่แล้วนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีเมื่เดือน ก.ย.59 ที่ผ่านมา โดยตลอดเวลาดังกล่าวจนถึงปัจจุบันครูแขกไม่ได้รับการประกันตัวแต่อย่างใด
นอกจากคดีนี้แล้ว “ครูแขก” ยังถูกอัยการยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญา ในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2590 มาตรา 4 , 38 ,74 ฐานมีวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ระเบิดแรงต่ำดินเทาและยูเรีย น้ำหนักประมาณ 20 กก.บรรจุไว้ในถังดับเพลิงและถังน้ำยาแอร์ และมีปืนเล็กกล (AK47) ขนาด 7.62 มม. RUSSIAN เลขประจำปืน 601098 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวจำนวน 129 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยศาลอาญา มีคำพิพากษายกฟ้องไปเมื่อปี 2559 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
วันนี้ 7 กันยายน 2560 เวลา 12.00 น. ณ สำนักงานนายกรัฐมนตรีกัมพูชา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมแถลงข่าวผลสำเร็จ การประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ หรือ Joint Cabinet Retreat (JCR) ครั้งที่ 3 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณการต้อนรับด้วยมิตรไมตรี ที่ได้กลับมาเยือนกัมพูชาอีกครั้งหนึ่งตามคำเชิญของท่านนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุน เซน แห่งกัมพูชาและเพื่อเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ หรือ Joint Cabinet Retreat (JCR) ครั้งที่ 3 ไม่ต่างจากการเยือนกัมพูชาครั้งแรกเมื่อปี 2557
นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุน เซน ได้เป็นประธานร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีของสองฝ่าย ซึ่งคณะรัฐมนตรีไทย ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีครอบคลุมกระทรวงที่สำคัญมาร่วมประชุมที่กรุงพนมเปญ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในประเด็นต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่แน่นแฟ้นและความร่วมมือที่สร้างสรรค์ในทุกระดับ ไทยให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้นการพัฒนาตามแนวชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมสร้างความเชื่อมโยงทั้งทางบก และทางทะเล ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจตามแนวชายแดนเจริญเติบโตไปด้วยกัน ประชาชนสองฝ่ายได้ประโยชน์จากการค้าขายตามแนวชายแดน และการไปหามาสู่กันที่สร้างเสริมรายได้จากการท่องเที่ยวข้ามแดนให้แก่ชุมชนท้องถิ่น
นายกรัฐมนตรีทั้งสองยังพอใจความร่วมมือที่มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ด้านความมั่นคง มีการประสานงานใกล้ชิดทุกระดับ ทั้งการปราบปรามยาเสพติดการปราบปรามการค้ามนุษย์ และเรื่องการแก้ไขการลักลอบตัดไม้พะยูงซึ่งหน่วยงานสองฝ่ายต้องจัดการประชุมเพื่อวางขั้นตอนและแนวทางที่จะเพิ่มพูนการสกัดกั้นการลักลอบตัดไม้นี้
ความเชื่อมโยงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาและความรุ่งเรืองของสองประเทศ ดังนั้น การหารือครั้งนี้เน้นการเชื่อมโยงในมิติต่างๆ การเตรียมความพร้อมเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติมอีก 4 แห่งที่ได้ทำการสำรวจภูมิประเทศร่วมกันไว้แล้ว โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน – สตึงบท ต้องก่อสร้างสะพานข้ามแดน อาคารด่าน สิ่งอำนายความสะดวกอื่นๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุน เซ็นที่แต่งเพลงให้ 4 เพลงเป็นของขวัญที่รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือในการก่อสร้างสะพานข้ามแดนที่หนองเอี่ยน-สตึงบท
ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพร้อมที่จะเร่งรัดการเชื่อมต่อระบบรางรถไฟจากอรัญประเทศ ปอยเปต ศรีโสภณ ไปถึงกรุงพนมเปญให้แล้วเสร็จในปี 2562 ฝ่ายไทยได้สร้างส่วนเชื่อมต่อถึงอรัญประเทศไว้แล้ว เมื่อสร้างเสร็จจะสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางรถไฟเชื่อมสองประเทศและรองรับการท่องเที่ยวทางรถไฟใน
อนุภูมิภาคได้ และจะเป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมไทยกับประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเส้นแรก
สำหรับเป้าหมายการค้าที่ตั้งไว้ร่วมกัน 1,5000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2563 ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการเพิ่มเติม โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าตามแนวชายแดน โดยอาศัยจุดผ่านแดนถาวรที่กำลังจะเปิดใหม่ที่หนองเอียน-สตึงบท และที่แนวชายแดนอื่นๆ อีกในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนสินค้าเกษตรนำเข้าและสินค้าผ่านแดนของกัมพูชามาไทยนั้น หน่วยงานไทยได้และหารือกับฝ่ายกัมพูชาแล้ว ได้กำหนดหามาตรการที่จะช่วยนำเข้าสินค้าเกษตรจากกัมพูชาเพื่อส่งออกไปประเทศที่สามแล้ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยจะดูแลแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายให้ดีที่สุดตามหลักกฎหมายไทย ให้ได้รับการปกป้องคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายไทย และย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการนำเข้าแรงงานอย่างถูกกฎหมายแบบรัฐต่อรัฐ
ไทยจะสนับสนุนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกัมพูชา ทั้งความร่วมมือทางวิชาการด้านการเกษตร สาธารณสุข และการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นพลังในการพัฒนาประเทศ ทั้งการพัฒนาชุมชนตัวอย่างโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
ภายใต้ Think SDG, Act SEP เผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งยินดีที่ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างกันนี้เป็นส่วนต่อยอดให้กัมพูชาบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติด้วย
นายกรัฐมนตรียังชื่นชมความสำเร็จในการลงนามความตกลงว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อน ซึ่งจะช่วยให้เกิดการลงทุน
จากไทยไหลมาสู่กัมพูชามากขึ้น ซึ่งเน้นย้ำให้ภาคเอกชนไทยทำกิจกรรมที่คืนความสุขแก่สังคมอย่างสม่ำเสมอ โดยการลงทุนของไทยในต่างประเทศต้องควบคู่ไปกับกิจกรรมเหล่านี้
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังเยี่ยมคารวะสมเด็จวิบุลเสนาภักดี สาย ชุม ประธานวุฒิสภากัมพูชา รักษาราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์กัมพูชาและเดินทางไปเปิดสวนมิตรภาพไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรไมตรีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ร่วมกับนายกรัฐมนตรีสมเด็จ ฮุน เซน ด้วย
matemnews.com 7 กันยายน 2560