ก่อนหน้านี้ กลุ่มดังกล่าวได้ออกแถลงการณ์ ดังนี้
เรื่อง ไว้อาลัยกระบวนการยุติธรรมไทยที่ไม่คุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมือง
จากกรณีที่มีการประทุษร้ายและข่มขู่คุกคามบุคคลที่แสดงออกซึ่งการต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลายกรณีดังต่อไปนี้
1. การประทุษร้ายต่อร่างกายและทรัพย์สินต่อนักกิจกรรมทางการเมืองที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. อย่างน้อย 3 คน ได้แก่ นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ และนายสิรวิชญ์ เสรีธวัฒน์ รวมทั้งหมด 13 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 ถึงเดือนมิถุนายน 2562 โดยมีเพียง 2 ครั้งแรกสุดที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้เนื่องจากกระทำการโดยลำพังและขาดการตระเตรียมการ ในขณะที่อีก 11 ครั้งมีลักษณะของการดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี มีผู้ก่อเหตุหลายคน มีการแบ่งหน้าที่ มีอาวุธที่มีประสิทธิภาพ มียานพาหนะเพื่อใช้หลบหนี มีการปกปิดอำพรางตัวและยานพาหนะ และไม่มีครั้งใดที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุหรือสาวไปถึงผู้จ้างวานได้เลย
2. การข่มขู่ว่าจะประทุษร้ายต่อนักศึกษาและนักกิจกรรมทางการเมืองอย่างน้อย 1 คน ได้แก่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ โดยผู้ข่มขู่เข้าถึงหมายเลขโทรศัพท์ของผู้เสียหาย และมีการเปิดเผยข้อมูลที่อยู่อาศัยและคนในครอบครัวของผู้เสียหายต่อสาธารณะ
3. การบังคับให้สูญหายต่อผู้ลี้ภัยทางการเมืองจำนวนอย่างน้อย 8 คน ได้แก่ นายอิทธิพล สุขแป้น, นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ, นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์, นายชัชชาญ บุปผาวัลย์, นายไกรเดช ลือเลิศ, นายชีพ ชีวะสุทธิ์, นายสยาม ธีรวุฒิ และนายกฤษณะ ทัพไทย ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 ถึงเดือนพฤษภาคม 2562 โดยพบในภายหลังว่ามีผู้ที่สูญหาย 2 คน ได้แก่ นายนายชัชชาญ บุปผาวัลย์ และนายไกรเดช ลือเลิศ เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมในสภาพที่น่าสยดสยอง ส่วนอีก 6 คนยังไม่พบตัวจนถึงทุกวันนี้ และไม่มีครั้งใดที่สามารถระบุตัวผู้ก่อเหตุได้เลย
กรณีทั้งหมดที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความล้มเหลวของ คสช. ที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจโดยอ้างว่าจะเข้ามาสร้างความปรองดอง คืนความสุขให้คนในชาติ แต่แท้จริงแล้วกลับปล่อยปละละเลยให้มีการประทุษร้ายประชาชนที่อยู่ตรงข้ามกับพวกตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางคนถึงกับเสียชีวิต นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความล้มเหลวของหน่วยงานพิทักษ์สันติราษฎร์และกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ที่ไร้ประสิทธิภาพในการคุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชนชาวไทยอย่างถ้วนหน้าโดยไม่แบ่งแยกความเห็นทางการเมือง การที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถนำตัวผู้ก่อเหตุมารับผิดได้นี้มีส่วนสำคัญทำให้ผู้ก่อเหตุไม่เกรงกลัวกฎหมายและลงมือก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งยังสร้างข้อกังขาว่า คสช. หรือผู้ใช้อำนาจรัฐใดๆ เป็นผู้บงการหรือรู้เห็นเป็นใจต่อการก่อเหตุที่เกิดขึ้นหรือหรือไม่
กลุ่มพื้นฟูประชาธิปไตยขอไว้อาลัยแด่ความยุติธรรมในประเทศไทยที่ไม่ครอบคลุมไปถึงประชาชนบางกลุ่มที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจ และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานพิทักษ์สันติราษฎร์และการยุติธรรมทั้งหมดเร่งดำเนินการเพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุประทุษร้ายประชาชนในทุกกรณีมารับโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด และไม่มีการหาแพะรับบาปแทนผู้ร้ายตัวจริงโดยเด็ดขาด
สังคมจะดำรงอยู่ได้ต้องมีกฎหมายที่เป็นธรรมและกระบวนการยุติธรรมที่คุ้มครองประชาชนอย่างเสมอภาค หากเรายอมปล่อยให้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมถูกยกเว้นไม่คุ้มครองประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงเพราะเรื่องจุดยืนทางการเมืองแล้ว นั่นยอมเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่ความแตกแยกและล่มสลายของสังคมในอนาคต
กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (Democracy Restoration Group – DRG)
2 กรกฎาคม 2562