วันนี้ (11 ก.ค.) พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. นำกำลังจนท. เข้าจับกุมตัว ร.ต.อ.ภาคภูมิ หรือ หยอง ทองแจ้ง อายุ 48 ปี รอง สวป.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่ บก.ภ.จว.ราชบุรี และ น.ส.เพชรรัตน์ ตั้งสิริเมธาพร 48 ปี ที่ร้านทองบิ๊กเซ่งเฮง ถนนประชานิยม ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง วานนี้ โดยทั้งคู่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันจ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีใดๆ ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา นายอนุพันธ์ ทวีสิทธิศักดิ์ เจ้าของร้านทองแสงเจริญ ใน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้เข้ามาร้องทุกข์ที่กองปราบฯ ว่า ช่วงบ่ายวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนถูกคนร้าย 3 คนใช้เหล็กฝังน็อตรุมตี ที่ลานจอดรถห้างโลตัส สาขาบ้านโป่ง ราชบุรี โดยมีคนร้ายอีกคนทำหน้าที่คุมเชิงใช้ปืนจี้ ข่มขู่ลูกน้องในร้านทองที่มาด้วยและพยายามจะเข้าช่วยเหลือ กระทั่งมีคนในห้างโลตัส ออกมาดูจำนวนมากคนร้ายจึงพากันหลบหนีไป หลังเกิดเหตุลูกน้องได้พาไปรักษาตัว เบื้องต้นพบสมองบวม ตับฉีก ม้ามฉีก กระดูกซี่โครงหัก แขนหัก รักษาตัวอยู่หลายเดือนจนอาการเริ่มดีขึ้น
หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้ไปแจ้งความที่ สภ.บ้านโป่ง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวผู้ที่ก่อเหตุได้ทั้ง 4 คน จากนั้นได้ขยายผลไปถึงผู้จ้างวาน โดยคนร้าย ชี้ รูปไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งของ สภ.บ้านโป่ง แต่เรื่องได้เงียบหายไปไม่มีการออกหมายจับเพิ่มเติมแต่อย่างไร ทั้งที่ผู้ต้องหาให้การซัดทอดยืนยัน จึงได้มาร้องขอให้กองปราบปรามช่วยเหลือทำคดีนี้ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
สำหรับสาเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้ เนื่องจาก นายอนุพันธุ์ ผู้เสียหายได้อย่าร้างกับ น.ส.เพชรรัตน์ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่อยู่กินกันมาเกือบ 20 ปี มีบุตรด้วยกัน 2 คน โดยนายอนุพันธ์ ได้ยกร้านทองให้กับ น.ส.เพชรรัตน์ อดีตภรรยาไปใช้ทำมาหากิน ต่อมาได้มี ร.ต.อ.ภาคภูมิ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับนายอนุพันธ์ เข้าไปคอยช่วยเหลือดูแล น.ส.เพชรรัตน์ กระทั่ง น.ส.เพชรรัตน์ได้ยื่นฟ้องร้องเรื่องมรดกนับร้อยล้านกันเรื่อยมา แต่ตนไม่ยอมยกให้ จนต่อมาได้เกิดเรื่องกับ นายโกมลรัตน์ รุ่งเรือง น้องชาย ซึ่งถูกคนร้าย 2 คน ตีได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคม
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งคู่ได้ให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนจึงได้นำตัวไปผลัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการในพื้นที่ เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยาน หลักฐาน เบื้องต้นศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ผู้ต้องต้องหาเป็นข้าราชการในพื้นที่ จึงเห็นตามคำร้องของพนักงานสอบสวน