Home ข่าวทั่วไปรอบวัน กสศ.ลงพื้นที่สอบ “คลิปเสียง”โกงเงินเด็ก เบื้องต้นไม่พบพิรุธ

กสศ.ลงพื้นที่สอบ “คลิปเสียง”โกงเงินเด็ก เบื้องต้นไม่พบพิรุธ

469
0
SHARE

กสศ. ตรวจสอบกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงในสื่อออนไลน์ที่ระบุว่า เป็นของผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งกำลังประชุมกับครูเรื่องเงินทุนเสมอภาค ที่กสศ.จัดสรรให้กับนักเรียนและสถานศึกษา โดยมี การหารือที่ทำให้เข้าใจว่าจะมีการให้นักเรียนเซ็นชื่อรับเงิน 800 บาท แต่ให้รับจริง 400 บาท 

น.ส.ชูสะอาด กันธรส ผู้อำนวยการสำนักบริหารเงินอุดหนุนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ กสศ. กล่าวว่า กสศ. ไม่ได้นิ่งนอนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเราต้องปกป้องผลประโยชน์ของเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความยากลำบากอย่างมาก และพร้อมรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย โดยได้ประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม กสศ.ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านหนองทุ่มโนนหาดวิทยา อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา พบกับ นายจักรี บุญเที่ยง ผอ.โรงเรียน และนางมณิดา ชนะชัย คุณครูชำนาญการพิเศษ ซึ่งยอมรับว่าเป็นเจ้าของเสียงที่อยู่ในคลิป

นายจักรี บุญเที่ยงผู้อำนวยการโรงเรียน

เบื้องต้นจากคำชี้แจงของทางโรงเรียน การตรวจสอบเอกสารรายงานการเงิน พบข้อเท็จจริงดังนี้ ปีการศึกษา 2561 กสศ.จัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนทุนเสมอภาครายคนจำนวน 800 บาทต่อภาคเรียนหรือ 1,600 บาทต่อปีการศึกษา โรงเรียนบ้านหนองทุ่มโนนหาดวิทยา มีนักเรียนยากจนพิเศษจำนวน 59 คน กสศ.โอนเงินอุดหนุนนักเรียนทุนเสมอภาคครบถ้วน ผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ 3 ครั้ง ยอดทั้งหมด 94,400 บาท ครั้งที่1วันที่ 28 ธันวาคม 2561 จำนวน 68,400 บาท ครั้งที่ 2 วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 จำนวน 22,800 บาท โดย 2 ยอดนี้เป็นเงินอุดหนุน สำหรับนักเรียนทุนเสมอภาค จำนวน 57 คน ต่อมาครั้งที่ 3 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 กสศ.โอนเงินเอีก จำนวน3,200 บาท สำหรับนักเรียนที่ได้รับการคัดกรองเพิ่มเติมอีก 2 คน

น.ส.ชูสะอาด กล่าวว่า เงินอุดหนุนนักเรียนคนละ1,600 บาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่1 เงินอุดหนุนตรงไปที่นักเรียนสำหรับเป็นค่าครองชีพจำนวนคนละ 800 บาท ซึ่งกรณีโรงเรียนนี้ ผู้ปกครองจะรับเงินสดผ่านโรงเรียน โดยจัดสรรทั้งสิ้น 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 วันที่ 17 มกราคม 2562 คนละ 600 บาท ครั้งที่ 2 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 คนละ 200 บาท ส่วนที่ 2 เงินอุดหนุนกิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพนักเรียนและค่าอาหารซึ่งกสศ.จัดสรรตรงให้กับโรงเรียนไปบริหารจัดการ อีก 800 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ถูกพูดถึงในคลิปเสียง จากการประชุมครูช่วงต้นเดือนมีนาคม 2562 โดยมีการหารือเรื่องการจ่ายเงินอุดหนุนในส่วนที่ 2 ที่ให้โรงเรียนบริหารจัดการ

น.ส.ชูสะอาด กันธรส

ทั้งนี้ กสศ. ตรวจสอบพบว่า โรงเรียนได้นำเงินจำนวนดังกล่าวจ่ายให้เด็กเป็นค่าอาหารเช้าทั้ง 59 คน และเมื่อตรวจสอบหลักฐานการเงินพบว่า นักเรียนได้เซ็นรับเงินไปแล้ว คนละ 400 บาท เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 ขณะที่อีก 400 บาท โรงเรียนได้รายงานไว้เช่นกัน ว่า ใช้ไปในกิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพในเรื่องการสอนตัดผมและการทำขนมไทย

“เบื้องต้นกสศ.ยังได้ลงพื้นที่สอบถาม ไปยังผู้ปกครองนักเรียนทุนเสมอภาคของโรงเรียนดังกล่าวก็ได้รับคำยืนยันว่าได้รับเงินอุดหนุนในส่วนที่ 1 จำนวน 800 บาทครบถ้วนจริงตามที่ปรากฎในหลักฐานการเงิน อย่างไรก็ตามในอนาคตกสศ.ได้วางมาตรการเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เช่น ความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย ในการเปิดบัญชีเงินฝากขั้นพื้นฐานให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาคเพื่อสามารถโอนตรงให้แก่นักเรียนเป็นรายบุคคล” น.ส.ชูสะอาด กล่าว

น.ส.ชูสะอาด กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวอาจเกิดจากการที่ผู้ที่เกี่ยวข้องบางส่วน ยังไม่เข้าใจหลักเกณฑ์หรือแนวทางการใช้เงินจ่ายอุดหนุนของกสศ.จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น ทั้งนี้ เมื่อทราบถึงปัญหาดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 7 ได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และได้ลงบันทึกไว้ในสมุดตรวจราชการว่าการดำเนินการของโรงเรียนถูกต้องตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กสศ.กำหนด

“จากประเด็นที่เกิดขึ้น สะท้อนว่ากลไกการคัดกรองและการตรวจสอบอย่างมีส่วนร่วมที่กสศ.ได้ประสานร่วมกับทาง สพฐ. เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา มาโดยตลอดนั้นจะช่วยเป็นจุดคานงัด คอยสอดส่องให้กระบวนการเงินอุดหนุนของกสศ.มีความโปร่งใส มีจุดเฝ้าระวังในในทุกระดับ และมั่นใจอย่างยิ่งว่า บทบาทของเขตพื้นที่การศึกษา ครูในทุกโรงเรียน ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ปกครอง มีบทบาทสำคัญในการช่วยประสานความเข้าใจ ในการใช้ทุนเสมอภาคอย่างตรงตามจุดประสงค์ และเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยกันเป็นหูเป็นตารักษาผลประโยชน์ให้กับนักเรียน” น.ส.ชูสะอาด กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ หากมีประเด็นที่ต้องตรวจสอบ หรือข้อสงสัยใดสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ข้อมูลนักเรียนทุนเสมอภาค 02 079 5475 ต่อ 1 ในวันและเวลาราชการ หรือที่ facebook.com/cctthailand