จากกรณี ที่ นายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ อายุ34ปี ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงได้ช๊อคหมดสติขณะถูกควบคุมตัวภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลปัตตานี ซึ่งแพทย์พบนายอับดุลเลาะ มีอาการสมองบวม จนต้องพักรักษาตัวภายในห้องไอซียู
พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค4) จึงได้เชิญหน่วยที่เกี่ยวข้องมาประชุมชี้แจงว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ จัดกำลังเพื่อควบคุมตัว นายอับดุลเลาะ ภายในบ้านพัก อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ก่อนจำตัวไปบันทึกประจำวันที่ สภ.สายบุรี โดยมีภรรยาและผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนามาเป็นสักขีพยานก่อนนำส่งตัว
โดยผลการตรวจร่างกายก่อนเข้าค่ายอิงคยุทธบริหาร พบว่าร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง แต่หน่วยได้ทำการซักถามในเบื้องต้น พบ มีอาการเครียดจึงให้เข้าพักในห้องควบคุมตัว เวลาประมาณ 22.00 น. และในเวลา 03.00 น. ของวันถัดมา(21 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่านอนหมดสติในห้องน้ำภายในห้องควบคุมตัวจึงได้นำตัวส่งรพ.ค่ายอิงคยุทธบริหารเพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนนำส่งรพ.ปัตตานี
ซึ่งในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ตั้งแต่ขั้นการจับกุม,ขั้นการควบคุมตัวและซักถามยังไม่พบหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ซึ่งสอดคล้องกับผลการตรวจร่างกายของแพทย์ที่ไม่พบร่องรอยบาดเจ็บภายนอกร่างกายแต่อย่างใด
และจากข้อมูลทางการแพทย์โรงพยาบาลปัตตานี พบว่าสมองมีอาการบวมซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดจากการขาดออกซิเจนในขณะช็อคหมดสติหรือเกิดจากการปั้มหัวใจ สำหรับสาเหตุที่แท้จริงจะต้องรอหลักฐานยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ทั้งนี้ โปร่งใสและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พล.ท.พรศักดิ์ จึงประสานให้ คณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านเพื่อหาข้อสรุปและหาแนวทางในการดำเนินการที่เหมาะสมและขอยืนยันว่าหากตรวจพบว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐก็จะไม่ปกป้องและจะลงทัณฑ์สถานหนักทั้งวินัยและอาญาทหาร พร้อมกับได้สั่งกำชับหน่วยซักถามให้ปฏิบัติตามระเบียบและแนวทางที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีกต่อไป
ล่าสุด วันนี้ (22 ก.ค.)เวลา 09.00 น. พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดเหตุ พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด ยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและหากพบเป็นความผิดพลาดจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ก็จะทำการลงโทษสถานหนักทั้งทางวินัยและอาญาทหารโดยไม่ละเว้น