วันที่ 25 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอื้อฉาวอย่างกว้างขวางในหมู่พนักงานต้อนรับสายการบินไทย เนื่องจากในโลกโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในกรุ๊ปไลน์ของพนักงานได้มีการพูดถึงกรณีที่มีสจ๊วตของการบินไทยรายหนึ่ง ลักลอบขนบุหรี่ไฟฟ้าและตัวบุหรี่ จำนวนอย่างละ 100 ชิ้น จากเมืองนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น มากับเที่ยวบิน ทีจี 677
โดยต้นเรื่องมาจากมีผู้โดยสารภาคพื้นดินที่อยู่ในอาคารสนามบินนาริตะ สังเกตเห็นสจ๊วตคนดังกล่าวขนบุหรี่ไฟฟ้าลอตใหญ่เข้าไปในเครื่องบิน เที่ยวบิน ทีจี 677 ที่จะเดินทางมายังประเทศไทย ในวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จากนั้นจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรของญี่ปุ่นให้ทราบเรื่อง โดยที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรของญี่ปุ่นได้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ศุลกากรของไทยในเวลาเดียวกัน เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าที่สจ๊วตกำลังขนเข้าประเทศถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ที่ลูกเรือไม่สามารถซื้อบุหรี่หรือไส้บุหรี่ไฟฟ้าได้เป็นจำนวนมากขนาดนี้
กระทั่งเที่ยวบินดังกล่าวเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 21.30 น. วันที่ 20 กรกฎาคม หลังจากผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดลงจากเครื่องแล้ว ได้มีเจ้าหน้าที่ศุลกากรจากสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินการเข้าไปตรวจค้นที่รถโดยสารลูกเรือการบินไทย โดยเจ้าหน้าที่พบเพียงกระเป๋าขนาดใหญ่วางอยู่บนเก้าอี้นั่งบนรถ แต่ไม่พบตัวสจ๊วตคนที่ขนบุหรี่ไฟฟ้ามา เมื่อตรวจค้นของภายในกระเป๋าดังกล่าวพบว่ามีบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 100 ชิ้น และไส้บุหรี่อีก 100 ชิ้น รวมมูลค่า 300,000 บาท แต่ถ้านำมาขายในประเทศไทยจะราคาเพิ่มเป็น 2 เท่า คือ 600,000 บาท จึงทำได้เพียงยึดของกลางไว้ ส่วนสจ๊วตที่ลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักรทราบข้อมูลว่าเดินทางออกจากสนามบินตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่งผลให้พนักงานขับรถโดยสารลูกเรือคันดังกล่าวต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบแทน
สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ของบรรดาพนักงานงานสายการบินนั้น พยายามเรียกร้องความเป็นธรรม นำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ไม่ปล่อยให้ลอยนวล และไม่ผลักภาระความรับผิดชอบไปให้คนอื่น ตลอดจนต้องการรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร
โดยเรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในไลน์กรุ๊ปของพนักงานตอนรับการบินไทย อาทิ “มีใครทราบข่าวเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า lot ใหญ่ที่มีลูกเรือนำเข้ามา flt 677 แล้วโดนศุลกากรจับได้ ไหมคะ” , “ช่างกล้าเนอะ อย่างนี้ผู้บริหารควรจะลงมาทำอะไรสักอย่าง เชือดไก่ให้ลิงดูเป็นอุทาหรณ์ให้คนที่คิดอยากจะทำ ได้ข่าวว่าเป็นลอตใหญ่มาก” , “คนทำผิดพาให้คนอื่นเดือดร้อน นโยบายเหวี่ยงแห” ฯลฯ
ขณะเดียวกัน ยังมีสจ๊วตนายหนึ่งได้โพสต์ถึงเรื่องนี้ด้วยในเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมกับแท็กไปถึงเฟซบุ๊ก “TG info by TG crew” ว่า จากเคส case บุหรี่ไฟฟ้าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ห้ามให้คนขับรถยกกระเป๋าให้ลูกเรือทุกกรณี สัมภาระทุกชิ้นของลูกเรือจะต้องดูแลเองตาม PSM ก่อนจะมีคนเข้ามาคอมเมนต์ จากนั้นไม่นานโพสต์นี้ก็ถูกลบทิ้งไป แต่ยังมีโพสต์อื่นๆ ที่กล่าวถึงเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้าเชิงตั้งคำถามว่า เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในไทย รวมทั้งความแตกต่างระหว่างสินค้าหนีภาษี กับสินค้าที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ยังมีแอร์โฮสเตสการบินไทยรายหนึ่ง ให้รายละเอียดกับทีมข่าวว่า คนในองค์กรพูดถึงเรื่องนี้เยอะมาก และมีข้อมูลหลายกระแส โดยยังไม่แน่ชัดว่าสจ๊วตที่ลักลอบขนบุหรี่ไฟฟ้ามาชื่ออะไร ต่างก็บอกว่าทำไมถึงกล้าทำ เชื่อว่าทางผู้บริหารน่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งก็เป็นปกติเวลามีพนักงานกระทำผิด โดยโทษอาจถึงขั้นไล่ออก และยังไม่รู้ว่าการเอาผิดตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ศุลกากรดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
สำหรับกรณีดังกล่าวทางทีมข่าวได้พยายามสอบถามกับศุลกากรเพื่อให้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขั้นตอนเอาผิดตามกฎหมายว่ามีการดำเนินคดีแบบไหนอย่างไร หรือทำการเปรียบเทียบปรับไปแล้วหรือยัง แต่ยังไม่สามารถติดต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาตอบคำถาม หรืออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เช่นเดียวกับบรรดาพนักงานการบินไทยก็อยากจะทราบเช่นเดียวกัน
ที่มา คมชัดลึก