Home มาเต็มกัญชา อย.ลั่น ไม่ได้แบน’น้ำมันกัญชา’อ.เดชา ชี้ข่าวคลาดเคลื่อน

อย.ลั่น ไม่ได้แบน’น้ำมันกัญชา’อ.เดชา ชี้ข่าวคลาดเคลื่อน

476
0
SHARE

จากกรณีกระแสข่าวคณะอนุกรรมการพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งมี นพ.ชาตรี บานชื่น ที่ปรึกษาอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ไม่รับรองตำรับน้ำมันกัญชาสูตรนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เพราะขัดกับมติคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ที่ไม่รับรองจากการติดคุณสมบัติหมอพื้นบ้านตามระเบียบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย แต่ตัวตำรับเห็นชอบในหลักการไปแล้ว

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เวลา 10.20 น. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงข่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้น ว่า เรื่องนี้เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ขอชี้แจงในนามของ อย.และฝ่ายเลขานุการของคณะอนุกรรมการพิจารณาผลิตภัณฑ์ยาเสพติดให้โทษที่มีกัญชาหรือสารสกัดกัญชาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์หรือศึกษาวิจัย ว่า คณะอนุฯ ไม่ได้มีวาระการพิจารณาเรื่องดังกล่าว จึงไม่มีการแบนตำรับน้ำมันกัญชาสูตร อ.เดชา เนื่องจากพิจารณาในชั้นคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษไปแล้ว โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อยู่ระหว่างแก้ไขระเบียบการรับรองหมอพื้นบ้าน เพื่อให้หมอพื้นบ้าน 3-4 พันคนตามระเบียบกรมการแพทย์แผนไทยฯ มาเป็นหมอพื้นบ้านตามระเบียบใหม่ได้ทันที โดยจะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงนามออกระเบียบโดยเร็ว จากนั้นจึงจะเสนอเข้ามายังคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯ พิจารณาสูตรตำรับน้ำมันกัญชา อ.เดชา อีกครั้ง ซึ่งจะมีการประชุมในเดือน ส.ค.นี้ โดยอยู่ระหว่างนัดหมายวันประชุมอยู่

นพ.ธเรศ กล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะอนุฯ นัดดังกล่าว เป็นการพิจารณาเรื่องที่ต่อเนื่องกัน คือ ต่อไปถ้าหมอพื้นบ้านจะผลิตหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาตามสูตรตำรับที่ประกาศรับรองไปแล้ว จะต้องทำอะไรหรือพิจารณาเรื่องอะไรบ้างเท่านั้น ทั้งนี้ การขับเคลื่อนเรื่องกัญชาทางการแพทย์ สธ.ก็กำลังดำเนินการในหลายเรื่อง ซึ่งปลัด สธ.ได้ตั้งคณะทำงานวอร์รูมเพื่อประชุมเร่งรัดการทำงานทุกวันพุธ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลและ รมว.สาธารณสุข ทั้งในแง่ของการบริการทางการแพทย์ โดยการทำเซอร์วิสแพลน วางระบบ รพ.แม่ข่ายในทุกเขตสุขภาพ และการส่งต่อให้ รพ.สังกัดกรมการแพทย์และ รพ.สังกัดกรมสุขภาพจิต หากเกินความสามารถ การเร่งรัดการผลิตสารสกัดจะเดินหน้าต่ออย่างไร เป็นต้น

นพ.ธเรศ กล่าวว่า ขณะที่ อย.ก็จะมีการเสนอให้ปลดล็อกกัญชงออกจากพืชยาเสพติด ทั้งแผนงาน โครงการ และแนวทางการดำเนินการ โดยเบื้องต้นจะต้องมีการปรับแก้ไขกฎหมายประมาณ 3 ฉบับ ได้แก่ ประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เรื่อง กำหนดลักษณะกัญชง ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่งทั้งสองฉบับนี้คาดว่าจะสามารถปรับแก้ไขให้แล้วเสร็จได้ภายใน 1 เดือนหรือช่วง ส.ค.นี้ และอีกฉบับ คือ กฎกระทรวงเกี่ยวกับกัญชง ซึ่งจะแก้ไขเพื่อให้ชาวบ้านทั่วไปปลูกกัญชงได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องจนถึง ธ.ค. 2563 ตามที่กฎกระทรวงเดิมกำหนด ซึ่งตรงนี้ต้องใช้เวลาหลายเดือน เพราะต้องเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการกฤษฎีกา นอกจากนี้ จะให้กองเครื่องสำอางและกองอาหารของ อย.ไปศึกษาด้วยว่า จะต้องออกประกาศอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะเมื่อปลดล็อกแล้วก็จะมีการปลูกเยอะขึ้น มีคุณค่ามากขึ้น โดยเฉพาะการนำมาใช้ในเรื่องของอาหารและเครื่องสำอางเหมือนต่างประเทศ

เมื่อถามถึงกรณีการปลดล็อกกัญชง แต่หลายฝ่ายกังวลว่าสายพันธุ์ที่ปลูกเป็นการเอาเส้นใยและมีสารซีบีดีน้อย นพ.ธเรศ กล่าวว่า การปลูกกัญชงขณะนี้ดำเนินการโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส.มีการคัดเลือกและขึ้นทะเบียนสายพันธุ์ ซึ่งมีการเตรียมสายพันธุ์ที่ให้สารซีบีดีสูง และให้สารทีเอชซีที่ต่ำไว้แล้ว หากปลดล็อกก็สามารถปลูกได้ ซึ่งการปรับแก้กฎหมายก็จะกำหนดเรื่องสารทีเอชซีด้วยว่าจะต้องต่ำกว่าเท่าไร ซึ่งก็จะยึดตามประเทศต่างๆ หรือองค์การอนามัยโลก เพื่อให้สามารถส่งออกได้