แอปเปิลเปิดตัว iPhone X (ไอโฟนเท็น) มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 5.8 นิ้ว เกือบไร้ขอบ ไม่มีปุ่มโฮม มีระบบสแกนใบหน้า ลูกเล่นใหม่ Animoji อีโมจิขยับตามใบหน้าได้
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2560 นอกจากแอปเปิลจะเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ที่เป็นรุ่นอัปเกรดจาก iPhone 7 แล้ว แอปเปิลยังสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟน ๆ ด้วยประโยคเด็ด “One more thing…” ด้วยการเปิดตัว iPhone X (อ่านว่า ไอโฟนเท็น) สมาร์ทโฟนรุ่นพิเศษ พร้อมสโลแกน “Say hello to the future. (สวัสดีอนาคต)” แน่นอนว่า iPhone รุ่นนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตใหม่ของสมาร์ทโฟนที่จะพัฒนาในอนาคต ตามที่แอปเปิลได้กล่าวไว้
ดีไซน์และหน้าจอ
สำหรับ iPhone X เรียกได้ว่า ออกมาตรงตามข่าวลือและภาพหลุดเกือบทุกประการ มาพร้อมจอ Super Retina Display ขนาด 5.8 นิ้ว OLED เกือบไร้ขอบ ความละเอียด 2,436 x 1,125 พิกเซล (458ppi), การแสดงผลแบบ True Tone, แสดงสีสันได้สวยงามและแม่นยำ แสดงสีดำได้ดำสนิท มีความสว่างสูง และมีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 1,000,000 ต่อ 1, รองรับการแสดงผล HDR ทั้งมาตรฐาน Dolby Vision, HDR10 และรองรับการสัมผัสแบบ 3D Touch ในตัว นอกจากนี้ iPhone X ยังตัดปุ่มโฮมออก ใช้วิธีการแตะหน้าจอเพื่อเพื่อใช้งานแทน และใช้การปัดขึ้นเพื่อปิดหรือสลับแอปฯ ไปมา
ดีไซน์ตัวเครื่องมีความโค้งมน มุมทั้งหมดนี้อยู่ในสี่เหลี่ยมมุมฉาก ส่วนขนาดตัวเครื่องเล็กกว่า iPhone 8 Plus แต่มีขนาดใหญ่กว่า iPhone 8 เล็กน้อย วัสดุใช้กระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนของตัวเครื่องเป็นสแตนเลส มีให้เลือก 2 สี คือ สีเทาสเปซเกรย์ และสีเงิน
สเปคเดียวกับ iPhone 8
สำหรับ iPhone X ใช้สเปคเดียวกับ iPhone 8 มาพร้อมซีพียูตัวใหม่ A11 Bionic แบบ 6 แกน ที่มาพร้อมคอร์ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ ซึ่งเร็วกว่าซีพียู A10 Fusion ถึง 70% และคอร์ประมวลผลการทำงาน 2 คอร์ที่เร็วขึ้นสูงสุดถึง 25% พร้อมโปรเซสเซอร์ร่วม M11 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหวในตัว ส่วนจีพียูเร็วขึ้น 30% และรองรับ Augment Reality การใช้งานแอปฯ และเกมด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง (Augmented Reality) แบบเดียวกับ iPad Pro ทำงานร่วมกับซีพียู จีพียู ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
นอกจากนี้แอปเปิลยังเคลมว่า แบตเตอรี่ของ iPhone X สามารถอยู่ได้นานกว่า iPhone 7 ถึง 2 ชั่วโมง
กล้องคู่แนวตั้ง 12 ล้านพิกเซล
กล้องของ iPhone X ตัวเดียวกับ iPhone 8 Plus แต่มีการปรับขนาดรูรับแสงให้มีขนาดกว้างขึ้นอยู่ที่ f/1.8 และ f/2.4 มาพร้อมฟิลเตอร์สีใหม่ พิกเซลที่เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น และกล้องเทเลโฟโต้ใหม่ที่มาพร้อมระบบ OIS ทั้งสองเลนส์ มีแฟลช LED True Tone 4 ตัว และมี Portrait Mode และ Portrait Lighting แบบเดียวกับ iPhone 8 ที่สามารถปรับโทนแสงของใบหน้าได้ในขณะถ่ายภาพได้ ส่วนวิดีโอรองรับการถ่ายสูงสุดที่ 4K 60fps ส่วนกล้องหน้า True-Depth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล มีเพิ่มโหมด Portrait Lighting แบบเดียวกับกล้องหลัง สามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอได้
สแกนใบหน้า (Face ID) แทน Touch ID
ระบบสแกนใบหน้าทำงานร่วมกับกล้องหน้า TrueDepth เพื่อการรู้การจดจำใบหน้าที่มาแทน Touch ID สามารถใช้งานปลดล็อกเครื่อง, ซื้อสินค้าผ่าน Apple Pay และซื้อแอปฯ เป็นต้น โดยเซ็นเซอร์ทั้งหมดจะอยู่บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องที่เป็นส่วนเว้า ประกอบด้วย ตัวฉายจุดแสง จุดแสงที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นกว่า 30,000 จุดจะถูกฉายลงบนใบหน้าเพื่อสร้างแผนผังโครงสร้างใบหน้าไม่ให้ซ้ำกับใคร, กล้องอินฟราเรดจะอ่านรูปแบบจุดบนใบหน้า จับภาพอินฟราเรด แล้วส่งข้อมูลไปยัง Secure Enclave ในชิป A11 Bionic เพื่อยืนยันใบหน้าที่ตรงกัน และอิลลูมิเนเตอร์มุมกว้าง แสงอินฟราเรดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าจะช่วยบอกว่าใบหน้านั้นคือใบหน้าของแม้จะอยู่ในที่มืด
ส่วนใครที่กังวลเรื่องความปลอดภัย ว่าจะใช้รูปถ่ายสแกนใบหน้าแทนได้หรือไม่ แอปเปิลได้ออกแบบระบบนี้มาเพื่อไม่ให้สามารถสวมรอยโดยใช้รูปถ่ายหรือหน้ากากได้ แผนผังโครงสร้างใบหน้านั้นจะได้รับการเข้ารหัสและเก็บไว้อย่างปลอดภัยใน Secure Enclave แล้วการยืนยันตัวตน เหมือนกับ Touch ID ที่เก็บข้อมูลลายนิ้วมือไว้ในชิป
ลูกเล่นใหม่ Animoji อีโมจิขยับตามใบหน้าได้
กล้องหน้าของ iPhone X นอกจากจะใช้สแกนใบหน้าได้แล้ว ยังสามารถใช้เป็นลูกเล่นใหม่ที่เรียกว่า Animoji ที่ขยับใบหน้าของอีโมจิตามใบหน้าของของผู้ใช้งานพร้อมกับเสียงได้ และอัดเป็นวิดีโอแล้วส่งผ่าน iMessage
ระบบชาร์จไร้สาย Qi
iPhone X รองรับการชาร์จไร้สายเหมือนกับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สามารถชาร์จกับแท่นชาร์จและแผ่นรองชาร์จ โดยแอปเปิลเรียกว่า AirPower สามารถชาร์จ iPhone, Apple Watch และ AirPods ได้
กันน้ำกันฝุ่นเหมือน iPhone 8
สำหรับ iPhone X สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP67 สามารถกันฝุ่นได้ 100% และกันน้ำที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร นาน 30 นาที
ความจุเริ่มต้นที่ 64GB
iPhone X มาพร้อมความจุเริ่มต้นขนาดใหม่ เริ่มต้นที่ขนาด 64GB ตามด้วย 256GB ส่วนความจุ 32GB กับ 128GB ไม่มีให้เลือกเหมือน iPhone 8
วันวางขายและราคา
– ความจุ 64GB ราคา $999 หรือประมาณ 33,000 บาท
– ความจุ 256GB ราคา $1,149 หรือประมาณ 38,000 บาท
ทั้งนี้ iPhone X เปิดให้สั่งจองวันที่ 27 ตุลาคม 2560 ใน 55 ประเทศ (ไม่มีไทย) และวางขายจริง วันที่ 3 พฤศจิกายน 2560
CR. kapook