Home ข่าวทั่วไปรอบวัน บิ๊กไบค์เมาแหกด่านชนตำรวจเลือดท่วมสมอง –  ทำไม

บิ๊กไบค์เมาแหกด่านชนตำรวจเลือดท่วมสมอง –  ทำไม

427
0
SHARE

 

เฟชบุ้ค  Police News Varieties

https://bit.ly/2Tu03W7

แหกด่าน …..ชนตำรวจทำไม?

 

ฝันร้ายซ้ำๆ เกิดกับครอบครัว

พ.ต.ท.วีระศักดิ์ แก้วเนียม

 

-เปิดรันทด- ตำรวจเหยื่อบิ๊กไบค์ มีพ่อเป็นนายดาบถูกโจรยิงตาย 28ปีก่อน ลูกชายดิ้นรนสานต่อเจตนารมณ์ ติดยศสัญญาบัตร สุดท้ายถูกหนุ่มเมาแหกด่านชนเลือดท่วมสมอง

 

กว่าจะมีวันนี้ของ พ.ต.ท.วีระศักดิ์ แก้วเนียม “สารวัตรปราบปราม สภ.บางใหญ่” เหยื่อหนุ่มบิ๊กไบค์เมาแหกด่านชน เลือดท่วมสมอง นอนICU ทายาท “นายดาบตำรวจ” ถูกโจรชิงตัวประกันยิงตายที่ “จังหวัดสงขลา” เมื่อ 28 ปีก่อน ชีวิตหลังพ่อตายต้องดิ้นรนลำบากกันทั้งครอบครัว พี่น้อง3คน สอบเข้าตำรวจได้ ดำเนินรอยตามพ่อ กระทั่งสุดท้าย ถูกคนเมาขับรถแหกด่านชนจนเลือดท่วมสมองต้องเข้ารักษาห้องไอซียู

 

…………………………………………………………..

28 ปี ไม่มีข้อมูลย้อนหลังปรากฏในอินเทอร์เน็ต ทั้งที่วีรกรรมสุดอุกอาจ น้องชายแท้ๆ ควงอาก้า-M79 บุกเดี่ยวชิงตัวพี่ชายที่ศาลจังหวัดสงขลา พิสูจน์คำคมที่ว่า “สายเลือดย่อมเข้มข้นกว่าน้ำ” … เมื่อ นายสุนทร เพชรรัตน์ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาหนีคดีค้าอาวุธสงคราม ได้ตัดสินใจควบกระบะสีแดงเพลิง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บุกชิงตัวพี่ชาย “นายสุพล เพชรรัตน์” อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ปลอมบัตรข้าราชการกระทรวงกลาโหม ซ้ำยังปลอมตัวเป็น ส.อ.สังกัดกองรบพิเศษ และค้าอาวุธสงคราม

.

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2533 ขณะที่ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา 2 นาย ได้คุมตัว นายสุพล เพชรรัตน์ ผู้ต้องหาฝากขัง สภ.กิ่ง อ.นาหม่อม จ.สงขลา มาพบกับทนายที่ศาลตามคำร้องขอ ระหว่างนั้นเองได้เกิดเหตุหม้อแปลงหน้าศาลจังหวัดสงขลา ระเบิดขึ้นตูมสนั่น ทราบต่อมาว่าคนร้ายได้ใช้อาวุธปืน M 79 ดึงความสนใจของเจ้าหน้าที่ภายในศาล ขณะนั้นเอง นายสุนทร เพชรรัตน์ น้องชายที่หนีคดี ได้ฉวยจังหวะเผลอใช้ปืนพกสั้นยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไม่ทันตั้งตัว ได้รับบาดเจ็บหลายนาย ก่อนจะชิงตัว นายสุพล เพชรรัตน์ หรือ นายไข่ พี่ชายแท้ๆ ออกมาทั้งโซ่ตรวนกุญแจมือ ขึ้นรถกระบะสีแดง ที่จอดทิ้งไว้หน้าศาล ขับหลบหนีไปยังริมหาดสมิหลา

.

 

ระหว่างที่ 2 พี่น้องกำลังขับกระบะสีแดงหลบหนีอย่างเร่งรีบเลาะถนนริมหาดสมิหลา ปรากฏว่าได้ขับข้ามเลนพุ่งชนรถที่สวนทางมา ทำให้การหนีต้องหยุดชะงักบริเวณหน้าค่ายฐานทัพเรือสงขลา เป็นเหตุให้ 2 พี่น้องงัดอาวุธสงคราม M79 และอาก้าออกมายิงสวนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ ยังได้มีเจ้าหน้าที่ทหารเรือทำงานอยู่บนตึก 4 ชั้น ช่วยยิงสกัดคนร้าย 2 พี่น้อง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า อานุภาพความร้ายแรงของอาวุธปืน M79 และปืนอาก้า สามารถยิงทำลายระยะไกลหลายร้อยเมตร เป็นเหตุให้รถตำรวจที่วิ่งไล่ตามมาระเบิดทั้งคัน นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิตบนถนนริมหาดสมิหลา คือ ด.ต.อำนวย แก้วเนียม และ จ.ส.ต.ฤทธิรร ขุนไกร นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บอีกหลายนาย

ขณะเดียวกัน บนถนนริมหาดสมิหลา เต็มไปด้วยข้าว แกง เสบียงอาหารเป็นหม้อๆ ที่ 2 พี่น้องเตรียมไว้ หลังว่าจะหนีรอดจากการจับกุม ซึ่งอาหารดังกล่าวถูกเทกระจาดลงเต็มพื้นถนน ปะปนกับร่องรอยการต่อสู้และกระสุนปืน

.

– 2 ผู้ต้องหาพี่น้องสู้จนตัวตาย พบอาวุธสงครามซุกรถคนร้ายเพียบ –

.

บทสรุปของ 2 พี่น้องสายเลือดเดียวกัน ภายหลังการปะทะดุเดือดผ่านไปได้เพียง 15 นาที ก่อนที่เสียงปืนจะสงบลง ถูกทหารเรือและเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธหนักยิงถล่มจนตายคาที่ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 3 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสงขลา ประชาชนถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บระนาว แต่ที่หนักไปกว่านั้นก็คือ เจ้าหน้าที่ขับรถของธนาคารแห่งหนึ่งที่ขับสวนทางมาชนกับรถคนร้ายจนเสียหลัก ถูกลูกหลงจนตัวตายคารถ คาดว่าเป็นความผิดพลาดระหว่างปะทะ เพราะ ณ ขณะนั้นทั้งตำรวจและคนร้ายก็ไม่รู้ว่าใครเป็นพวกใคร หวังเพียงสกัดจับระงับเหตุ

.

หลังเหตุการณ์สงบ ตำรวจเข้าตรวจสอบรถกระบะสีแดงของคนร้าย ต้องถึงกับตะลึง พบอาวุธสงคราม M16, M79, ปืนอาก้า 5 กระบอก, ปืนพกสั้น 11 มม. ระเบิดมือ 3 ลูก อย่างไรก็ตาม คนร้ายได้ใช้ปืนอาก้ายิงไปแล้วทั้งสิ้น 22 นัด นอกจากนี้ ยังพบเป้ผ้าร่มสีน้ำเงิน พบแผ่นป้ายทะเบียนตรากงจักร คาดว่าคนร้ายจะเอาไว้สวมลอยขณะหลบหนี

.

– เมีย ตร.เผย เพื่อนสนิท 2 ผู้ต้องหารุดรับศพ เผยข้อมูลลับ ทำญาติตะลึง –

.

นางจิราพร แก้วเนียม ปัจจุบันอายุ 63 ปี ภรรยาของดาบตำรวจอำนวย แก้วเนียม ย้อน 28 ปี แห่งความหลัง เปิดเผยข้อมูลให้เราฟังว่า หลังเกิดเหตุ กลุ่มเพื่อนคนร้ายได้เดินทางมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช อายุประมาณ 20 กว่าๆ ทั้งหมดจับกลุ่มกันพูดคุยที่โรงพยาบาล ระบุน้องชายตัดสินใจขนอาวุธปืนไปชิงตัวพี่ชาย เนื่องจากจะพากันไปล้างแค้นคู่กรณีที่มีปัญหาขัดแย้งหักกันเรื่องการค้าอาวุธปืน นอกจากนี้ เพื่อนคนร้ายยังใช้คำพูดแบบไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ว่า “รู้แบบนี้จะขนกันมาหลายคันรถ จะไม่ปล่อยให้เพื่อนบุกเดี่ยวมาลำพังจนต้องจบชีวิตลง”

“เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ลูกชาย 3 คน ที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษา ต้องเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ สร้างความสูญเสียให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก ซึ่ง นายบรรหาร ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี (ในสมัยนั้น) ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานรดน้ำศพ และช่วยเหลือเยียวยา หลังการตาย สามีได้เพิ่มขั้น 7 ชั้นยศ ขึ้นเป็น พ.ต.อ. ส่วนตำรวจที่เสียชีวิตอีกคนได้เพิ่มชั้นยศเป็น พ.ต.ท.”

.

– ความรู้สึกนาทีสามีตาย ต้องแบกภาระลูกชาย 3 คน –

.

“ตอนที่ทราบว่าสามีตาย ตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย เพราะเรายังมีลูกชายอีก 3 คนที่ต้องรับภาระส่งเสียให้เรียน ก็คิดในใจว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร ลูกชายคนเล็กยังเขียนหนังสือเซ็นชื่อไม่เป็นด้วยซ้ำ ตอนนั้นดิฉันประกอบอาชีพขายหมูอยู่ที่ในตลาดสงขลา ก็รับเขามาขาย ขาดทุนบ้างได้กำไรบ้าง การสูญเสียสามีไปก็เหมือนสูญเสียเสาหลักของครอบครัว แต่ก็กัดฟันเลี้ยงลูกมาจนโต โชคดีขณะนั้นโรงเรียนอนุบาลสงขลาได้ให้ลูกชายทั้ง 3 เรียนฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ส่วนทางรัฐบาล มอบเงินให้ 10,000 บาท ตอนเกิดเหตุใหม่ๆ”

.

นางจิราพร แก้วเนียม เล่าต่อว่า หลังจบชั้นประถม ลูกชายทั้ง 3 คนได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จ.สงขลา ซึ่งก็ต้องเสียค่าเทอมตามปกติ ตนเองรู้สึกโชคดีที่ลูกทั้ง 3 ตั้งใจเรียน และฝันอยากจะเป็นตำรวจเหมือนพ่อ

.

– สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใย เรียกเข้าเฝ้าฯ –

.

“หลังเกิดเหตุทางสำนักพระราชวังเรียกให้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดิฉันเดินทางไปพร้อมๆ กับลูกชายทั้ง 3 คน ซึ่งดิฉันเองได้สวมชุดสีดำไป ทางเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าเฝ้าฯ จึงอนุญาตเพียงให้ลูกๆ ทั้ง 3 เข้าไป ซึ่งพระองค์ทรงถามไถ่เรื่องราวจากลูกๆ ก่อนจะตรัสถามว่า “แม่ไปไหน” ลูกๆ ก็บอกว่าแม่ใส่เสื้อสีดำ เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้ามา สุดท้ายพระองค์ได้ทรงเมตตา เรียกดิฉันเข้าไปพบ สร้างความปลาบปลื้มใจเป็นล้นพ้นแก่คนในครอบครัว”

.

นางจิราพร แก้วเนียม ย้อนความประทับใจให้ฟังว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงให้ทุนการศึกษาลูกๆ ทั้ง 3 คน ปีละ 3 หมื่นบาท ตั้งแต่วันเข้าเฝ้าฯ ไปจนลูกๆ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ถือเป็นพระกรุณาธิคุณล้นพ้น ต้องยอมรับว่านอกจากจะเลี้ยงลูก 3 คนด้วยน้ำพักน้ำแรงจากการขายหมูในตลาดแล้ว เงินจำนวน 3 หมื่นบาท ที่ได้ทุกๆ ปียังช่วยจุนเจือครอบครัว ส่งลูกๆ จนเรียนจบ ในขณะที่หน่วยงานอื่นไม่ได้ให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องดังเช่นพระองค์

.

– ลูกชายทั้ง 3 คน เดินตามรอยพ่อ สุดภูมิใจ ได้เป็นตำรวจรับใช้ประชาชน –

.

“ลูกชายคนโต ปัจจุบันอายุ 38 ปี ได้ใช้สิทธิ์ของพ่อที่เสียชีวิตในหน้าที่ เข้ารับราชการเป็นตำรวจ ปัจจุบันติดยศ พ.ต.ท. เป็นสารวัตรป้องกันและปราบปรามอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ส่วนคนที่ 2 และคนที่ 3 ศึกษาเล่าเรียนจนจบปริญญาตรี ก่อนจะสอบเข้าเป็นตำรวจ ทั้งคู่เป็นสัญญาบัตร ยศรองสารวัตร รับราชการอยู่ภาคใต้ การเสียชีวิตของพ่อในครั้งนั้น ทำให้ลูกๆ ได้เรียนรู้ถึงความเสียสละของตำรวจที่ต้องตายในหน้าที่ ปกป้องประชาชนจากโจรผู้ร้าย ทั้ง 3 คนเป็นเด็กดี และเดินตามความฝันจนสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจสู่ดิฉัน”

.

นางจิราพร แก้วเนียม กล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนสามีตาย อายุ 37 ปี หากวันนี้สามียังมีชีวิตอยู่ อายุก็จะประมาณ 65 ปีแล้ว เชื่อว่าสามีชื่นชมยินดีที่ลูกๆ ทั้ง 3 เป็นเด็กดีรักเรียน และสามารถสอบติดเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรเพื่อรับใช้ชาติ ตามที่ได้ใฝ่ฝันไว้ตั้งแต่เด็กๆ ทั้ง 3 คน

 

 

(ข้อมูลอ้างอิง Thairath)

 

matemnews.com 

13 สิงหาคม  2562