เว็บไซต์รัฐบาลไทย เผยแพร่
หลังเลิกประชุมครม.แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวแก่สื่อมวลชนที่โพเดียม ห้องโถงชั้นล่างตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เมื่อตอนบ่าย 13 ส.ค.2562 หลายประเด็นประกอบด้วย
นายกรัฐมนตรีห่วงใยคนไทยในฮ่องกงและได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือโดยด่วน
วันนี้ (13 สิงหาคม 2562) เวลา 12.25 น. ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงในฮ่องกงซึ่งทำให้มีการยกเลิกเที่ยวบินเส้นทางขาเข้าและขาออกจากฮ่องกงของทุกสายการบินเมื่อวานนี้ ว่า นายกรัฐมนตรีห่วงใย และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือคนไทยโดยด่วน อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และขอให้ประชาชนอย่าได้กังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมให้ความช่วยเหลือชาวไทย ที่ตกค้างอยู่ในฮ่องกงด้วยแล้ว
…………………….
วันนี้ (13 ส.ค. 62) เวลา 12.30น. ณ บริเวณโถงกลาง ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้แถลงแก่สื่อมวลชนถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาให้กับประชาชนจังหวัดสุรินทร์ว่า ที่ผ่านมาน้ำมีปริมาณน้อยเนื่องจากฝนไม่ตก ขณะนี้ได้รับรายงานจากกรมชลประทานแล้วว่า อ่างเก็บน้ำดังกล่าว มีน้ำไหลเข้ามาเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่องเพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาในแต่ละวัน คือ 30,000 ลูกบาศก์เมตร
นอกจากนี้ ยังให้รถบรรทุกนำน้ำเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ยังขาดแคลนน้ำ วานนี้ (12 ส.ค.62) นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ลงไปยังพื้นที่ ติดตามการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นแล้ว โดยแนวทางที่เร็วที่สุดคือการใช้รถบรรทุกน้ำจำนวนมากทยอยส่งน้ำเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้ชาวบ้านและประชาชนมีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภค พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังสั่งบูรณาการทำงานของหน่วยงานพัฒนาได้ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำการขุดขุดเจาะน้ำบาดาลเพิ่มอีก 8 บ่อ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำกิน น้ำใช้ให้เพียงพอสำหรับประชาชน
……………………………………………………………
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
วันนี้ (13 สิงหาคม 2562) เวลา 12.25 น. ณ บริเวณห้องโถงชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงกรณีการใช้ Fake News เป็นเครื่องมือทางการเมืองว่า ขอให้ทุกคนคิดพิจารณาและตรวจสอบเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับให้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อเรื่องนั้นๆ เช่น ข่าวการขึ้นภาษี ซึ่งก็ยังไม่ได้มีการดำเนินการแต่อย่างใด เพราะหากเรื่องใดยังไม่ได้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ทั้งนั้น การดำเนินการต่างๆ ต้องระมัดระวังข้อกฎหมายและทำให้ถูกต้อง หากประชาชนมีข้อสงสัยเรื่องใดขอให้สอบถามผ่านช่องทางต่าง ๆ ของภาครัฐที่มีอยู่ ซึ่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะได้ชี้แจงประเด็นต่าง ๆ เพื่อแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ได้รับทราบเกี่ยวกับเรื่องแนวคิดต่าง ๆ ของนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการดำเนินการทั้งภัยแล้ง พืชการเกษตร เศรษฐกิจระดับฐานราก ตลอดจนงบประมาณ วันนี้เป็นการใช้งบประมาณปี 2562 ในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งงบประมาณบางส่วนต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามห้วงเวลาและเป้าหมายที่กำหนด ต้องไปทบทวนในระยะเวลา 2 เดือนที่เหลืออยู่นี้จะสามารถจัดทำโครงการต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบในภาคประชาชนได้มากน้อยเพียงใด โดยคำนึงถึงความถูกต้องและให้งบประมาณลงไปสู่ประชาชนได้มากที่สุด ขณะนี้มองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศตกลง แต่ขอพิจารณาถึงสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกด้วย เพราะปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจก็ตกลงเช่นกัน และมีบางประเทศที่เศรษฐกิจตกลงมากกว่าประเทศไทย เป็นสถานการณ์ที่ต้องยอมรับ จึงความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องมียุทธศาสตร์ชาติ เพื่อหาวิธีการและแนวทางในการเตรียมการรองรับความเสี่ยงต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายกรัฐมนตรียังกล่าวฝากให้คนไทยทุกคนสนใจศึกษาเรื่องรอบตัวที่เกิดขึ้น ต้องปรับปรุงเปลี่ยนตนเองให้สอดคล้องและทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต พร้อมสั่งการให้คณะรัฐมนตรีเร่งดำเนินงานให้สอดคล้องตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและประชาชนอย่างแท้จริง ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ดูแลเรื่องการค้าขายปัจจุบันมีหลายประเภท โดยเฉพาะผู้ประกอบการค้าขายรายย่อยที่ยังมีปัญหาอยู่มาก รวมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันถึงแนวทางการแก้ไขค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งเป็นไปตามหลักเศรษฐศาสตร์ ขอยืนยันว่ารัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปให้ได้
——————-
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ส่วนข่าวที่โฆษกรัฐบาลแถลงประกอบด้วย
วันนี้ (13 สิงหาคม 2562) เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการแถลงผลการประชุมรัฐมนตรีในวันนี้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำความสำคัญถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยเน้นการกระจายรายได้ไปสู่ระดับกลางและระดับล่าง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เม็ดเงินถูกหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้หลายๆ รอบ
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณานำแนวทางพระราชดำริ “จิตอาสา” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำมาขับเคลื่อนนโยบาย คู่ขนานไปกับการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ เพราะการดำเนินภาครัฐบางครั้งอาจมีความล่าช้า นอกจากนี้ ยังสั่งให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเร่งดูตัวชี้วัดการพัฒนา กำหนดแผนงานระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ลดช่องว่างการเหลื่อมล้ำของแต่ละจังหวัด พร้อมฝากให้กระทรวงศึกษาธิการเตรียมความพร้อมบุคลากร เพื่อรองรับเทคโนโลยีที่สร้างความพลิกผัน (disruptive technology) การเปลี่ยนแปลงทางโลกตั้งแต่ระดับประถม มัธยมต่อเนื่องไปจนถึงอุดมศึกษา ซึ่งต้องบูรณาการงานร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกกระทรวงเร่งเบิกจ่ายภาครัฐ เพราะทุกกระทรวงมีความสำคัญ ช่วยกระตุ้นการลงทุนและบริโภค ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตเศรษฐกิจประเทศด้วย
………………………………………………..
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
วันนี้ (13 สิงหาคม 2562) เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ศึกษาโมเดล BCG เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาของเศรษฐกิจไทย
นายกรัฐมนตรีกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวงร่วมมือกันกำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกันทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมทั้งการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ซึ่งอยากให้คณะรัฐมนตรีทุกกระทรวง ศึกษาโมเดลการทำเศรษฐกิจที่เรียกว่า BCG หรือ Bio Economy (เศรษฐกิจชีวภาพ) Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน) และ Green Economy (เศรษฐกิจสีเขียว) ซึ่งนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม เสนอ โดยนายกรัฐมนตรีเล็งเห็นว่าเป็นโมเดลที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระดับฐานราก ทั้งราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาระยะกลาง และระยะยาวได้ต่อไป
……………………………………….
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
matemnews.com
13 สิงหาคม 2562