วันที่ 18 สิงหาคม 2562 มีรายงานเด็กจมน้ำ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ กระโดดน้ำลงไปช่วยงมหาร่างของเด็กหญิงขึ้นมาจากน้ำ โดยที่เด็กหญิงอยู่ในอาการหมดสติ ปั๊มหัวใจอยู่นานแต่อาการไม่ดีขึ้น จึงแจ้งหน่วยกู้ชีพมารับไปรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้อาการยังอยู่ในขั้นวิกฤต
เมือสอบถามเด็กชายซี(นามสมมติ)เล่าว่าตนนั้นเรียนอยู่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วัย อายุ13ปี คบหาดูใจกับเด็กหญิงบี(นามสมมติ) มาตั้งแต่เรียนอยู่ด้วยกันในชั้น ป.6 หลังเรียนจบก็ได้มาเรียนต่อในชั้นมัธยมที่โรงเรียนเดียวกัน และได้เรียนอยู่ห้องเดียวกันด้วย หลังจากนั้นก็มีการคบหากันในลักษณะของคนรัก ถูกผู้ใหญ่กีดกันในความรัก จึงพากันจูงมือกระโดดน้ำหวังฆ่าตัวตาย บริเวณคลองชลประทานเยื้องทางเข้าการเคหะสมุทรปราการ แต่เมื่อทั้งคู่จมลงไปในน้ำ ก็มีตัวเงินตัวทองว่ายน้ำเข้ามาหา ฝ่ายหญิงจึงได้สะบัดมือฝ่ายชายออก ก่อนจะจมหายไปในน้ำ ส่วนฝ่ายชายก็ว่ายน้ำตะเกียกตะกายขึ้นมาบนฝั่ง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถูกผู้ปกครองของฝ่ายหญิงกีดกันมาตลอด เพราะเห็นว่าทั้งคู่อายุยังน้อยและยังเรียนหนังสือกันอยู่ ทำให้ทั้งสองเกิดความเครียด และมีการพูดคุยกันว่าทำอย่างไรถึงจะได้สมหวังอยู่ด้วยกัน ซึ่งทั้งคู่คิดว่ามีทางเดียวคือการตายไปด้วยกัน
กระทั่งวันที่ทั้งสองไปเรียนธรรมะในช่วงวันหยุดที่โรงเรียน ตนจึงได้พากันมานั่งคุยที่ริมคลองเพื่อหาทางออก ก่อนจะจูงมือกันกระโดดน้ำเพื่อฆ่าตัวตายดังกล่าว โดยระหว่างที่กระโดดลงไปในน้ำก็มีตัวเงินตัวทองว่ายน้ำมาพอดี ทำให้ฝ่ายหญิงตกใจและพยายามหนี จึงหลุดจากมือของตนไป อีกทั้งฝ่ายหญิงว่ายน้ำไม่เป็นด้วยจึงจมลงไปในน้ำ ส่วนตนเมื่อจมลงไปในน้ำก็รู้สึกหายใจไม่ออกและน้ำเข้าปาก จึงรีบตะเกียกตะกายขึ้นมาบนฝั่ง ก่อนจะมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ลงมาช่วยเหลือ
แม่ของ ด.ช.ซี กล่าวว่า ทราบเรื่องที่ลูกชายคบหากับ ด.ญ.บี คบกันได้ 7-8 เดือนแล้ว เคยบอกลูกชายว่าถ้าจะคบกันก็ให้อยู่ในขอบเขต เพราะยังเป็นเด็กจึงอยากให้เรียนจบก่อน แต่ตนไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณนี้ขึ้น
แม่รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก และอยากขอโทษกับผู้ปกครองของ ด.ญ.บี แทนลูกชายด้วย
เด็กชาย13ขวบผู้ก่อเหตุ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่า เด็กทั้งสองน่าจะนัดหมายกันมาเพื่อกระโดดน้ำฆ่าตัวตายพร้อมกัน แต่เมื่อกระโดดลงไปแล้วฝ่ายหญิงเห็นตัวเงินตัวทองว่ายน้ำเข้ามาหาด้วยความกลัวจึงตกจ่ายน้ำหนีและเกิดอาการช๊อกจมหายไปในน้ำดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป