วานนี้ (24 ส.ค.62)ที่อาคารศศนิเวศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายวิชาการและภาคประชาสังคมด้านพืชยา กัญชา กระท่อม จัดแถลงข่าว “ร่าง พ.ร.บ.พืชยา กัญชา กระท่อม ฉบับประชาชน” จัดโดยมูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ และมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ โดย นายไพศาล ลิ้มสถิตย์ กรรมการบริหารศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า แม้ว่า พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ฉบับปรับปรุงล่าสุด (ฉบับที่ 7) จะเปิดโอกาสให้นำกัญชาและพืชกระท่อมมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี แต่ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากกัญชา-กระท่อมยังเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 แพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้าน และกลุ่มผู้ป่วย ยังไม่สามารถนำมาใช้ในฐานะเป็น “พืชยา” ได้อย่างเต็มที่ เพราะมีโทษทางอาญา
ซึ่งในความจริงกัญชา กระท่อม และพืชยาอื่น มีลักษณะจำเพาะแตกต่างจากยาเสพติดประเภทที่เป็นสารสังเคราะห์ จึงควรมีกฎหมายใหม่ที่กำหนดมาตรการดูแลพืชยาเหล่านี้ โดยไม่ถือเป็นยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษหรือกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท แต่ยังมีมาตรการควบคุมที่สอดคล้องกับกฎหมายยาเสพติดระหว่างประเทศ
ด้านเภสัชกรหญิงนิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการ กพย.กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีการเสนอให้จัดตั้ง “สถาบันพืชยา กัญชา กระท่อมแห่งชาติ” ให้เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น แต่มีฐานะเป็นนิติบุคคลอยู่ในกำกับของนายกรัฐมนตรี
ส่วน น.ส.สุภัทรา นาคะผิว ผอ.มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ กล่าวว่า ภาคประชาสังคมสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพราะจะทำให้ประชาชนเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากพืชยา กัญชา กระท่อม ได้มากขึ้น เพิ่มการพึ่งพาตนเอง ลดค่าใช้จ่ายด้าน สุขภาพ หลังจากนี้เครือข่ายวิชาการและภาคประชาสังคมด้านพืชยา กัญชา กระท่อม เตรียมเผยแพร่ ร่าง พ.ร.บ.พืชยา กัญชา กระท่อม ฉบับประชาชนและจะรณรงค์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ให้ได้ครบ 10,000 รายชื่อ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เพื่อนำเสนอต่อรัฐสภาให้พิจารณาประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม โดย ส่วนตัวเคยใช้น้ำมันกัญชาเพราะมีปัญหานอนไม่หลับ แต่ก็ใช้เป็นบางครั้งเท่านั้น ดังนั้น จึงอยากให้มีการให้สิทธิแก่ชุมชนในการควบคุมกันเอง ไม่ใช่ผูกขาดแค่รัฐเท่านั้น ทั้งนี้ ก็เพื่อลดค่าใช้จ่ายในประเทศ
ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวภายหลังร่วมรับฟังการเสวนาดังกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าจะมีการยื่นเสนอให้มีการแก้กฎหมายอย่างแน่นอน เพราะจากการ รับฟังมาหลายเวที ทำให้เห็นถึงประโยชน์ของพืชกัญชาและกระท่อม โดยเบื้องต้นจะยื่นให้มีการแก้ไขเอากัญชาและกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งคาดว่าน่าจะยื่นเรื่องได้ประมาณเดือน พ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน พรรคก็ยินดีที่จะเสนอข้อคิดเห็นดีๆ
ที่มา ไทยรัฐ