วันที่ 28 ส.ค.62 นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ปลูกกัญชาเมดิคัลเกรด ในระบบ Indoor บริเวณพื้นที่เดิมรอบใหม่แล้วจำนวน 140 ต้น โดยได้เริ่มปลูกเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คาดว่าองค์การจะสามารถสกัดและผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาทางการแพทย์แผนปัจจุบันจำนวนประมาณ 10,000 ขวด ประมาณเดือนธันวาคม 2562 ครอบคลุมผลิคภัณฑ์ทั้ง 3 สูตร คือ สูตร THC สูตรCBD สูตรTHC:CBD 1:1 โดยการปลูกรอบใหม่นี้ จะปลูกสายพันธุ์ CBD เด่นให้มากขึ้น
สำหรับการดำเนินการโครงการระยะที่ 2 เป็นการปรับปรุง พัฒนาสายพันธุ์กัญชาให้ผลิตสารสำคัญได้ปริมาณสูงและสามารถปลูกลงแปลงได้ รวมทั้งขยายกำลังการผลิตสารสกัดเป็นระดับกึ่งอุตสาหกรรม จะขยายพื้นที่การปลูกแบบ Indoor ให้เพิ่มมากขึ้นเป็น1,000 ตารางเมตร คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการปลูกได้ในเดือนมิถุนายน 2563 ซึ่งจะได้ผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาทางการแพทย์แผนปัจจุบันรุ่นแรกประมาณเดือนตุลาคม 2563 โดยจะเน้นผลิตผลิตภัณฑ์ สูตร CBD เป็นสำคัญ
“จากเดิมปลูกในแบบแลปสเกล จะต้องพัฒนาไปสู่แบบเซมิอินดัสเตรียล หรือกึ่งอุตสาหกรรม ความสำคัญในช่วงแรก คือต้องเตรียมความพร้อม เช่น โรงเรียนให้ได้มาตรฐานโลกไม่ได้คุณภาพก็ต้องเพิ่มปริมาณให้ได้ด้วยตั้งเป้าว่าในช่วงนี้ของปีหน้า 2563 เราควรมีผลผลิตกัญชามากเป็น10 เท่าของขณะนี้” นพ.วิฑูรย์ กล่าว
ส่วนความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ การปลูกและเพิ่มพื้นที่การปลูกต้นกัญชานั้น ในส่วนของมหาวิทยาลัยแม่โจ้จะเริ่มทำการปลูกในเดือนกันยายนนี้ คาดว่าทางมหาวิทยาลัยจะทยอยส่งวัตถุดิบกัญชาแห้งต่อเนื่องประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เพื่อทำการผลิตตามโครงการเร่งด่วนตามนโยบาย รมว.สาธารณสุข
ทีี่มา สำนักข่าวไทย
