นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวเมื่อตอนเช้า 30 ก.ย.2562 ว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมากตลอดสัปดาห์ถึงโครงการ “ชิมช้อปใช้” ว่ามีปัญหาอย่างมาก ทั้งแนวคิด วิธีทำและผลที่จะได้รับ นอกจากความไม่พร้อมและเร่งรีบในการใช้เงินภาษีของประชาชนที่ไปล้วงเอามาจากงบกลาง แสดงให้เห็นถึงแนวคิดเชิงนโยบายที่ไม่มีวิชั่นของรัฐบาลเพราะโดยทั่วไปแล้วจะต้องบรรจุอยู่ในงบประมาณปกติ โครงการนี้เป็นโครงการเลือกปฏิบัติต่อประชาชนอย่างน่ารังเกียจ เพราะประชาชนกว่า 40 ล้านคนไม่มีโอกาสเข้าถึงระบบดังกล่าว เพราะ
1.เขาไม่ได้ใช้ระบบสมาร์ทโฟน
2.การเข้าถึงแอพพลิเคชั่น ที่มีขั้นตอนซับซ้อนการลงทะเบียนยุ่งยาก
3.ร้านค้ายังมีปัญหาไม่ยอมรับ
4.ระบบยังไม่สามารถรองรับกับการใช้ปริมาณพร้อมพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ร้านค้ายกเลิกโครงการกลางคันและทิ้งของที่เลือกแล้วบริเวณร้านเป็นจำนวนมาก
5.ประชาชนยังมีความกังวลใจว่ารัฐจะล้วงความลับจากเลข 13 หลักของประชาชนอาจนำข้อมูลไปใช้เพื่อเป็นประโยชน์ทางการเมืองของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
6.หากไม่ประสบความสำเร็จใครจะเป็นผู้รับผิดชอบนอกจากประชาชนผู้เสียภาษี
วิธีคิดในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยรูปแบบเช่นนี้ ถ้าเป็นนักศึกษากำลังสอบวัดผล จะให้ตกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องรีไทร์ หรือไล่ออกสถานเดียว เพราะวิธีคิดจากซีเลบัมในสมองไม่ทำงาน และทำอย่างมีวาระแอบแฝงหรือไม่ ซึ่งฝ่ายค้านจะติดตามตรวจสอบต่อไป
ส่วนกระบวนการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้คนออกไปท่องเที่ยวแบบนี้ เป็นวิธีคิดที่กลับหัวกลับหางเพราะเมื่อใดก็แล้วแต่ที่ประเทศมีเศรษฐกิจดีประชาชนก็จะออกไปเที่ยว และตนก็เชื่อว่าคนที่คิดโครงการนี้ย่อมรู้ว่าเงิน 1,000 บาทไม่สามารถไปท่องเที่ยวที่ไหนได้ โดยเฉพาะการเดินทางข้ามจังหวัดและไม่ใช่ยาวิเศษที่รัฐบาลจะกล้านำมากระตุ้นเศรษฐกิจได้ การอภิปรายงบประมาณรายจ่าย ฝ่ายค้านจะชำแหละถึงแนวคิดของรัฐบาลในการใช้เงินภาษีของประชาชนที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีได้อย่างไร แถมยังได้กลิ่นตุตุต่อเรื่องนี้ว่ามีคนได้รับผลประโยชน์ไม่กี่กลุ่ม ซึ่งนโยบายเรื่องนี้ถือว่าคนคิดฉลาดที่จะได้รับผลประโยชน์ แต่คนซวยก็คือประชาชนและคนทั้งประเทศที่ต้องเสียภาษีไปกับเรื่องนี้ ที่เรียกได้เลยว่าเป็น มหกรรมการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
matemnews.com
30 กันยายน 2562