พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์นักข่าว ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เมื่อตอนเช้า 28 ต.ค.2562 ประเด็นประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา มีคำสั่งให้ระงับข้อตกลงตามมาตรการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือจีเอสพี สินค้า 573 ชนิดที่นำเข้าจากประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ว่า
“เป็นเรื่องของกฎหมายใครกฎหมายมัน สหรัฐฯก็มีหน่วยงานของเขาเองเช่นเดียวกับประเทศไทย ไม่อยากให้ไปคาดเดาว่าตัดสิทธิจีเอสพีเพราะสาเหตุใด รัฐบาลทราบอยู่แล้วว่ามีปัญหา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานอื่นๆ มีการเจรจาต่อรองมาตลอด เราต้องแก้ปัญหาภายในประเทศด้วย ทั้งเรื่องแรงงานและปัญหาอื่นๆ บางอย่างต้องดูปัจจัยภายในของเราด้วย แต่เราพยายามเดินหน้าแก้ปัญหาให้ดีที่สุด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎหมาย ขออย่าตื่นตระหนกให้ข่าวว่าร้ายกันไปมา เพราะไม่เกิดประโยชน์ กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงครบถ้วนแล้วว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหามาโดยตลอด แต่ระยะเวลาที่ทำมาก็มีปัญหามาโดยตลอด โดยเฉพาะปัญหากฏหมายแรงงาน หากทำตามสหรัฐฯต้องดูว่าเราจะมีปัญหาตามมาหรือไม่ จึงต้องดูทั้งกฏหมายภายในและกฏหมายระหว่างประเทศ จากการประเมินตัวเลขถือว่าไม่มาก เพราะสหรัฐฯให้สิทธิประโยชน์ 500 กว่ารายการ แต่ไทยใช้เพียง 300 กว่ารายการเท่านั้น รัฐบาลตื่นตัวอยู่แล้ว ภาคเอกจึงต้องตื่นด้วย โดยพัฒนาสินค้า ดูแลแรงงาน ขณะที่รัฐบาลรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้มงวดการบังคับใช้กฏหมาย ทุกคนต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน การเจรจานั้นปัญหาอยู่ที่สหรัฐฯจะยินยอมหรือไม่ มีเวลา6 เดือนก่อนมีผลบังคับใช้ ก็ต้องหาวิธีการพูดคุยต่อไป ไม่ได้คือไม่ได้ เพราะเป็นกฏหมายของสหรัฐ ขออย่าให้เป็นปัญหาทางการเมืองและพูดให้เลวร้ายกว่าเดิม เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็มี และสหรัฐถือเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ดังนั้นขอให้หยุดโจมตีว่าร้ายไปมาเพราะไทยต้องค้าขายกับสหรัฐฯต่อไป
นักข่าวถาม ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่นนทบุรี 4- 5 พ.ย.25862 หากพบกับผู้นำสหรัฐฯ หรือผู้แทน จะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า
“ต้องคุยกันอยู่แล้ว อาจจะในเวที เรื่องนี้มัน 9 ปีมาแล้ว สิทธิประโยชน์ทุกอย่างเราก็ต้องมาดู เอามาทบทวนหมด เพราะทุกอย่างเรากำลังโตขึ้น เมื่อโตขึ้น ก็มีตัดสิทธิพิเศษเหล่านี้ เช่นประเทศกำลังพัฒนา ประเทศที่ยังไม่ได้พัฒนา เขาให้สิทธิตรงนั้นมา 9 ปีแล้ว ถ้าเขาตัดสิทธิอย่างนี้ เราโตเกินไปหรือไม่ โตเร็วแล้วใช่ไหม รายได้ต่อหัวของประชากรสูงขึ้นใช่หรือไม่ และต้องดูจีดีพีของเราด้วย เพราะเขาดูตรงนี้ ผมคิดว่าเราคุยกันได้ อะไรที่เป็นสิทธิประโยชน์ วันนี้เขาคืนมา 7 อย่างไม่ใช่หรือ ของเก่ามีตั้ง 500 กว่ารายการ เราใช้ไปแค่ 300 กว่ารายการ ส่วนที่เหลือไม่ได้ใช้ แล้วมูลค่าเหล่านี้ก็ไม่มากนัก แต่ข้อสำคัญต้องไปดูว่าสินค้ามีความเสี่ยงสูง มีความเสี่ยงปานกลาง ความเสี่ยงน้อยจะไปแก้กันอย่างไร จะดีลกันอย่างไร ยังไงเราก็ต้องคบค้าสมาคมกันต่อไป มีการแลกเปลี่ยนซื้อของซึ่งกันและกัน บางทีการเมืองกับเศรษฐกิจมันก็เกี่ยวข้องกันหมด เราก็อย่าให้มันแย่ลงไปก็แล้วกัน อย่าไปยึดโยงกับอย่างอื่นแล้วกัน อย่าไปคาดเดานี่นู่น พอดีมีเรื่องนี้อยู่ ก็กลายไปตรงนู้น มันเป็นห้วงระยะเวลาที่ออกมาตามกำหนดของเขา”
ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกให้หยุดโจมตีว่าร้ายกันไปมา เช้าวันเดียวกันนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ประเด็นมีคนระบุว่า เพราะมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ให้ยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิดในภาคเกษตร ว่า
“กระทรวงสาธารณสุขยังยืนยันไม่ทบทวนการยกเลิกการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนและเกษตรกร การตัด GSP เป็นสิทธิของสหรัฐ ในคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯเขียนชัดว่า เขาไม่พอใจต่อเรื่องแรงงานในไทย ที่ยังไม่มีมาตรฐาน เราจึงต้องดูว่าจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริง ต้องโต้แย้ง และต้องดูด้วยว่าผลกระทบจะมีมากน้อยแค่ไหน อย่าเพิ่งตื่นเต้นตกใจว่าประเทศไทยตายแน่ แต่ทุกคนต้องเชื่อมั่นในสินค้าไทยและความต้องการของตลาดโลก ถ้ากลัวว่าจะขาดดุลการค้า เราก็ลดการนำเข้าสินค้าจากประเทศนั้นๆ จะทำให้เราไม่ขาดดุลการค้า ส่วนที่มีคนบิดเบือนว่ามาจากการยกเลิกสารเคมี คนที่เกิดความเสียหายก็จะบิดเบือน โกหก หรือพาลทุกเรื่อง เอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องไปรวมกัน แต่เราต้องนิ่งและมั่นใจว่าทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ต้องเดินไปบนถนนของเราเพื่อให้รู้กันไปว่าสินค้าไทยไม่ดี
นักข่าวถาม สหรัฐฯอ้างผลการวิจัยขององค์การอนามัยโลกและองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ในกรณีของสารไกลโฟเซต นายอนุทิน ตอบ
“ผมไม่อ้างผลวิจัย แต่เห็นคนที่ถูกสารพิษลวกผิวจนแทบเห็นกระดูก คนเป็นมะเร็ง กระทรวงสาธารณสุขมีข้อมูลการรักษาของโรคที่ติดมาจากสารพิษเหล่านี้จำนวนมาก จึงไม่เห็นจะต้องไปวิจัยอะไร มิฉะนั้นโรงพยาบาลจะขึ้นป้ายคัดค้านหรือ เพราะเขาขี้เกียจรักษาผู้ป่วยโรคที่มาจากสารพิษเหล่านี้แล้ว ทำไมไม่หยุดใช้สารพิษเสียที ปล่อยให้เกษตรกรมาเป็นผู้รับเคราะห์ จะให้คนไทยรับประทานอาหารดีๆ และปลอดภัยไม่ได้หรือ”
ถามต่อ กระทรวงสาธารณสุขจะต้องส่งรายงานเหล่านี้ไปสนับสนุนการที่น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ จะนำไปชี้แจงต่อฝ่ายสหรัฐฯ หรือไม่ นายอนุทิน ตอบ
“ ไม่ต้องส่งอะไร เราเป็นเมืองขึ้นใครเสียที่ไหน หน่วยงานใดมีหน้าที่ชี้แจงก็ชี้แจงไป เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง และคณะกรรมการวัตถุอันตรายถูกตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ ไม่ได้มาตามอารมณ์ หรือตั้งขึ้นมารองรับการแบนสารพิษเหล่านี้ เมื่อมีมติอย่างไรเท่ากับเป็นกฎหมาย แล้วอยู่ดีๆ พอเป็นมติไปแบบเอกฉันท์ ขาดลอยแบบนี้แล้วยังจะต้องแปลอีกหรือ ถ้าทำแบบนี้ไปแล้ว และบอกให้พลิกมติ บอกว่าเขาทำผิด แล้วจะมีคณะกรรมการไว้ทำไม ขวัญใจกำลังของคนที่มาเป็นกรรมการจะเป็นอย่างไร ข้าราชการเหล่านี้ไม่ได้อยู่ดีๆ เข้าไปลงมติ แต่มีความคิดของตัวเอง ซึ่งดูมติของคณะกรรมการฯที่ออกมาก็เป็นคำตอบได้แล้วว่าทำถูกหรือทำผิด”
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน ถ.พระราม9 ประเด็นเดียวกันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร ที่ผ่านมารมว.พาณิชย์และรมว.แรงงานได้ชี้แจงไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่สหรัฐฯใช้เหตุผลในการระงับสิทธิครั้งนี้ว่ามาจากปัญหาแรงงาน ทั้งที่ผ่านมารัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พยายามแก้ไขมาตลอดแล้ว เราก็ทำต่อไป แต่การตัดสิทธิครั้งนี้ยังไม่มีผลบังคับใช้ตอนนี้ เหลืออีกประมาณ 6 เดือนคือช่วงเดือนเม.ย. 2563 จะใช้เวทีการประชุมสุดยอดอาเซียนเจรจาทำความเข้าใจหรือไม่ เป็นหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์”
นักข่าวถาม ฝ่ายค้านว่าโจมตีรัฐบาลคุยโว แก้ปัญหาแรงงานได้สำเร็จ แต่กลับสวนทางถูกตัด GSP เหตุผลเรื่องแรงงาน พล.อ.ประวิตรตอบว่า
“ก็เห็นชัดๆ ว่า ไทยได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นเทียร์ 2 สำเร็จทั้งภาคประมงและเเรงงาน”
matemnews.com
28 ตุลาคม 2562