นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มาลฃรถที่ทำเนียบรัฐบาลไทย เมื่อบ่าย 29 ต.ค.2562 ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เข้าพบ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ห้องทำงาน นานประมาณ 60 นาที กลับออกมาให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า
“ความสัมพันธ์ของไทยและสหรัฐฯ ช่วงนี้ถือว่า เป็นขาขึ้น จากการที่มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ส่วนกระบวนการสิทธิพิเศษทางการคือ หรือ GSP เป็นเรื่องที่มีการตัดสินใจมานานแล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงนี้ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแบน 3 สารพิษของไทย นี่คือ หัวใจที่สหรัฐได้คุยกับนายสมคิด ในวันนี้ การตัดจีเอสพีประเทศไทยมีการพูดคุยกันมานานแล้ว และจีเอสพีเป็นสิทธิพิเศษที่ไทย ได้รับมานานกว่า 30 ปี แม้จะถูกตัดสิทธิไปแล้ว แต่ประเทศไทยก็ยังคงได้รับสิทธิพิเศษสูงที่สุดมากกว่าประเทศใดในโลกในปัจจุบัน จะมีการหารือกับทางรัฐบาลไทยในข้อกฎหมายต่าง ๆ ในเรื่องของแรงงานว่า จะมีการดำเนินการร่วมกันอย่างไร การตัดสิทธิจีเอสพี มีผลกระทบไม่มาก ตัวเลขไม่เยอะ และกระบวนการนี้ยังไม่ถือว่า สิ้นสุด ต้องขอบคุณประเทศไทยในการจัดประชุมอาเซียน คิดว่า จะเป็นไปด้วยดี สหรัฐฯ จะส่งตัวแทนมาประชุมที่ประเทศไทย”
4 โมงเย็น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลงมาให้สัมภาษณ์คณะนักข่าว ว่า คณะของสหรัฐฯจะมาร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ในระหว่างวันที่ 31 ต.ค. – 4 พ.ย. จึงพยายามเตรียมการทุกอย่างให้สมบูรณ์ เพราะต้องการจะมาลงทุนในประเทศไทย และจะลงพื้นที่ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีการหารือถึงเรื่องจีเอสพี นายไมเคิล ฮีธ บอกว่า การตัดสิทธิจีเอสพียังไม่ถึงที่สุด จริงๆ แล้วมันมีมูลค่าไม่มากนักหรอก แต่ว่า สิ่งเหล่านี้น่าจะพูดคุยกันและสื่อสารกัน เราสองประเทศเป็นมิตรกันมานาน เราสามารถที่จะพูดคุยกันได้อย่างไร จึงอยากให้ใช้ช่วงเวลาที่ผู้ใหญ่ของสหรัฐฯมาประเทศไทยหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะร่วมมือกันอย่างไรต่อไป โดยนายไมเคิล ฮีธ บอกด้วยว่า เรื่องจีเอสพีเกิดขึ้นในช่วงที่คณะของสหรัฐฯกำลังเดินทางมาประเทศไทย เป็นช่วงเวลาบังเอิญ และเมื่อยังไม่ถึงที่สุด อยู่ที่การพูดจากัน คณะที่จะมาไทยเป็นคณะใหญ่ มีนักลงทุนสหรัฐฯมาจำนวนมาก เขาอยากให้บรรยากาศดี เขาบอกว่ามีอะไรขอให้พูดคุยกัน เรื่องต่างๆ ที่เขาขอร้อง เราพยายามเต็มที่แล้ว ในเรื่องแรงงานก็พยายามมาสมควรแล้ว เรื่องเกษตรพยายามดูแลอยู่ แต่ทุกอย่างต้องค่อยๆ เป็นค่อยไป เขาก็เข้าใจ อย่างไรก็ตาม เราคงไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อขอสิทธิคืน แต่อยากให้ใช้เวลาส่วนใหญ่พูดคุยกันถึงยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯกับไทย ไม่ใช่ไปดูเรื่องเป็นชิ้นๆ อยากให้ดูยุทธศาสตร์เลย เพราะขณะนี้ประเทศไทยเป็นจุดที่ทุกคนต้องการเข้ามา อยากให้มองเรื่องใหม่ๆ มองไปไกลๆ บนพื้นฐานของมิตรภาพนายไมเคิล ฮีธ ได้ถามผมว่า ศูนย์กลางความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (CLMVT) จีนกับญี่ปุ่นสนใจมากใช่มั้ย ผมตอบว่า ก็ใช่น่ะสิ แล้วสหรัฐฯไม่เข้ามาล่ะ เพราะเขากำลังให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้มากทีเดียว เพียงแต่ช่วงเวลาที่เขามา บังเอิญกับตอนที่ประกาศเรื่องจีเอสพีพอดี ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะมาในจังหวะแบบนี้ ผมเลยถามเขาว่า ถ้ายังไม่ไฟนอลก็พูดกันใหม่ได้”
matemnews.com
29 ตุลาคม 2562