รัฐบาลอิตาลีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองเวนิส หลังถูกน้ำท่วมสูงถึง 1.87 เมตร ตั้งแต่คืนวันอังคารที่ผ่านมา โดยน้ำทะลักเข้าท่วมมหาวิหารเชนต์มาร์ค ซึ่งมีความสาคัญทางประวัดิศาสตร์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และบ้านเรือนประชาชนถูกตัดไฟด้วย
โดยพื้นที่กว่าร้อยละ 80 ในเมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโกแห่งนี้ จมอยู่ใต้น้ำหลังเกิดเหตุการณ์กระแสน้ำขึ้นในระดับสูง นายกรัฐมนตรีกุยเซปเป คอนเต ระบุว่า น้ำท่วมครั้งนี้ถือเป็นการ “ทำร้ายจิตใจของผู้คนทั้งประเทศ” แต่ขณะนี้ รัฐบาลได้เร่งระดมทุนและทรัพยากรที่มีอยู่ มาช่วยเหลือเยียวยาแล้ว
นายกรัฐมนตรีคอนเต ซึ่งเดินทางลงพื้นที่ในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเป็นภาษาอิตาลีว่า เจ็บปวดมากที่เห็นเมืองนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก มรดกด้านศิลปะตกอยู่ในอันตราย กิจการการค้าของเมืองก็ย่ำแย่ตามไปด้วย เขาให้คำมั่นว่าจะเร่งรีบสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมที่ออกแบบไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 ซึ่งโครงการที่เรียกว่า “โมเซ่” เป็นระบบป้องกันน้ำท่วมแบบใหม่เพื่อปิดทะเลสาบในกรณีที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง หรือเกิดพายุฤดูหนาว ไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมเมืองเวนิส และต้องรีบทำให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่สิ่งต่าง ๆ ในอิตาลี มักไม่ค่อยเป็นไปตามแผน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจก ที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากและใช้วิศวกรรมล้ำสมัย
ด้านนายลุยจิ บรุกนาโร นายกเทศมนตรีเมืองเวนิส อ้างปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้ระดับน้ำหนุนสูงสุดในรอบมากกว่า 50 ปีในสัปดาห์นี้ ผลกระทบใหญ่หลวง และจะทิ้งรอยคราบถาวรไว้ โดยจัตุรัสเซนต์มาร์ค หนึ่งในพื้นที่ต่ำที่สุดของเมือง เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด
เมืองเวนิสประกอบด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยมากกว่า 100 เกาะภายในทะเลสาบนอกชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี มักเกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2466 เคยเกิดเหตุการณ์ระดับน้ำขึ้นสูงกว่าสัปดาห์นี้เพียงครั้งเดียว คือในปี พ.ศ. 2509 ระดับน้ำสูงถึง 1.94 เมตร
หลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเมืองเวนิสในปี พ.ศ.2509 รัฐบาลอิตาลีเรียกร้องให้บรรดาวิศวกรร่างแผนสร้างระบบแนวกั้นน้ำทะเลป้องกันเมืองเวนิส ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่มีทัศนียภาพสวยงามที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง และก็เป็นเมืองหนึ่งที่มีความเปราะบางจากภัยระดับน้ำหนุนสูง
ผ่านมาจนถึง ปี พ.ศ.2546 ในที่สุดการก่อสร้างก็เริ่มต้นขึ้นโดยกำหนดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2554 แต่โครงการ “โมเซ่” ก็ประสบปัญหาเรื้อรังเช่นเดียวกับโครงการก่อสร้างที่สำคัญ ๆ หลายโครงการในอิตาลี ทั้งปัญหาคอร์รัปชั่น, งบประมาณบานปลาย และความล่าช้า
ขณะนี้ บรรดาวิศวกรคาดว่า ระบบป้องกันน้ำทะเล จะยืดยาวไปถึงสิ้นปี 2564 ด้วยงบประมาณการก่อสร้าง 5,500 ล้านยูโร หรือประมาณ 183,293 ล้านบาท จากงบประมาณที่ตั้งไว้เดิมเพียง 1,600 ล้านยูโร หรือ 53,321 ล้านบาท
ขณะที่ทวิตเตอร์ มีนักท่องเที่ยวบางส่วน ถ่ายภาพสถานการณ์น้ำท่วมของเมืองเวนิส เก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ด้วยการ ว่ายน้ำ หรือ เซลฟี่ กับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเวนิส อีกด้วย
ที่มา https://n.pr/33Osse7 ,New18