Home ข่าวทั่วไปรอบวัน “สมเด็จพระสันตะปาปา” ชี้ โลกสนใจ เศรษฐกิจ-การเงิน มากกว่า “จิตวิญญาณ”

“สมเด็จพระสันตะปาปา” ชี้ โลกสนใจ เศรษฐกิจ-การเงิน มากกว่า “จิตวิญญาณ”

371
0
SHARE

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส (His Holiness Pope Francis) ประมุขแห่งโรมันคาทอลิก ขอบคุณทุกคนที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเสด็จครั้งนี้ และยินดีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในช่วงบ่ายวันนี้ และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ช่วงสายวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้จัดพิธีรับเสด็จ โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ได้เสด็จขึ้นบนแท่นรับความเคารพที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล

สมเด็จพระสันตะปาปา แสดงความยินดีที่ไทยผ่านการเลือกตั้งจนกลับสู่ประชาธิปไตย ตอนนี้โลกกำลังให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจและการเงินมากกว่าการมองถึงจิตวิญญาณและตัวประชาชน ทั้งยังมีปัญหาต่างๆที่ส่งผลต่อทุกส่วนของโลก ไทยจึงควรใช้โอกาสการเป็นประธานอาเซียนในช่วงท้ายนี้เร่งแก้ปัญหาและยกระดับความร่วมมือทุกด้าน โดยอาศัยการเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาช่วย พร้อมยืนยันว่าชาวคาทอลิกแม้จะมีแค่กลุ่มเล็กๆในไทยแต่จะสนับสนุนอัต
ลักษณ์ความเป็นไทยอย่างที่ปรากฎในเพลงชาติว่า “รักสามัคคี, รักสงบ และไม่ขลาด” พร้อมเรียกร้องให้ทุกคนในไทยได้เข้าถึงการศึกษา, การทำงาน และสุขภาพขั้นพื้นฐาน เพื่อยกระดับทรัพยากรมนุษย์ให้ยั่งยืน

สมเด็จพระสันตะปาปา ยังทรงเห็นว่าปัญหาผู้อพยพย้ายถิ่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามและเป็นประเด็นด้านจริยธรรมที่ต้องให้ความสำคัญ พร้อมชื่นชมรัฐบาลไทยที่เคยช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาผู้อพยพ พร้อมเรียกร้องทุกประเทศที่เกี่ยวข้องให้แก้ปัญหานี้และส่งเสริมให้มีการย้ายถิ่นฐานอย่างปลอดภัย ทั้งมีกลไกปกป้องสิทธิผู้อพยพด้วย สุดท้ายพระองค์ขอพระพรอันไพบูลย์จากพระเจ้าทรงนำทางให้คนไทยพบสันติสุข และแสงสว่างแห่งปัญญา

ด้านพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมสมเด็จพระสันตะป่าปา ในพระราชกรณียกิจทุกด้าน โดยเฉพาะการมุ่งส่งเสริมสันติภาพ, สร้างความเท่าเทียม และมุ่งยกระดับสังคมให้กับผู้คนทุกศาสนา ซึ่งสอดคล้องกับรัฐบาลไทยที่ทำงานไปในทางเดียวกับพระองค์ เห็นได้จากการมุ่งส่งเสริมหลักสิทธิมนุษยชน, สร้างสถาบันครอบครัว และลดความเหลื่อมล้ำ โดยนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทาง รวมไปถึงปีนี้ที่ประเทศไทยเป็น
ประธานอาเซียนที่ได้มุ่งยกระดับอาเซียนในทุกมิติ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ปีนี้ครบรอบ 350 ปีของการก่อตั้งคณะมิสซังคาทอลิกในสยาม และครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและนครรัฐวาติกัน ส่วนตัวเชื่อมั่นว่านับจากนี้ความสัมพันธ์ของไทยและนครรัฐวาติกันจะสามารถร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดได้มากขึ้น ทั้งเชื่อมั่นว่าการเสด็จเยือนประเทศไทยครั้งนี้ของพระองค์จะเป็นสิ่งที่แสดงถึงความสัมพันธที่แนบแน่นของไทยและนครรัฐวาติกันต่อไป โดยปัจจุบันประเทศไทยมีผู้นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกอยู่ประมาณ 380,000 คน

สำหรับสมเด็จพระสันตะป่าปาฟรันซิสเสด็จเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน โดยพระองค์ทรงมีกำหนดการเสด็จเยือน 7 ที่ เช่น เสด็จไปทำพิธีมิสซาร่วมกับคริสตชนคาทอลิกที่ี่สนามศุภชลาศัย และเสด็จไปทำพิธีมิสซาสำหรับเยาวชนที่ อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก