นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมความสะดวกในการประกอบธุรกิจ(Doing Business) ที่กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2562 เลิกแล้วแถลงข่าว ว่า
“ได้วางเป้าหมายว่า ในปีหน้า ไทยจะต้องได้รับการจัดอันดับ Doing Business ที่ดีขึ้น หรือ อยู่ในอันดับ 1 ใน 20 ประเทศ จากปัจจุบันอยู่ในอันดับ 26 จาก 190 ประเทศทั่วโลก ธนาคารโลกในฐานะผู้ประเมินได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย และ ได้แสดงความยินดีกับไทยที่สามารถขยับระดับการจัดอันดับดีขึ้นถึง 6 อันดับดังกล่าว พูดตามตรง อนาคตไม่ง่ายที่ทำให้ดีขึ้น เพราะทุกปัจจัยเราไปเกือบเต็มแล้ว ถือว่า เป็นนักเรียนเกรดเอ แต่ก็มีหลายปัจจัยที่เราพัฒนาได้ อย่างเช่น การค้าระหว่างประเทศที่แม้ว่าจะทำไปมากแล้ว แต่ก็ต้องสื่อไปถึงผู้กรอบแบบฟอร์มให้เข้าใจตรงกันด้วย สิ่งที่สำคัญ คือ ถ้าเราทำได้ เราต้องทำให้คนไทยรู้ว่าเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญอย่างไร เพราะไม่ใช่แค่ธุรกิจที่จะได้รับความสะดวก แต่ในแง่เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีผลต่อการลงทุนใหม่ ถ้าเขามีอุปสรรค เขาก็ไม่มา เช่น จีน หรือ ญี่ปุ่น แต่ถ้าทำได้ เศรษฐกิจก็จะดีขึ้นผลประโยชน์ที่สำคัญจะตกอยู่กับประชาชนหรือชาวบ้านที่ไปติดต่อราชการก็จะได้รับความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปีนี้ ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ การดูแลเศรษฐกิจเหลืออยู่ขาเดียว ขณะที่ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีกลไกที่เกี่ยวข้องมาก คือ เรื่องการส่งออก เรื่องของค่าครองชีพ การเบิกจ่ายภาครัฐ การดูแลภาคเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ ฉะนั้น เครื่องยนต์เหล่านี้จะต้องเดินทุกตัว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นส่วนที่กระทรวงการคลังเกี่ยวข้อง กระทรวงการคลังก็จะทำในส่วนที่ตัวเองสามารถทำได้ นั่นคือ การกระตุ้นการบริโภค ให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น และ ดึงเอกชนเข้าลงทุน เหล่านี้เป็นส่วนที่กระทรวงการคลังทำได้ ส่วนอื่นๆต้องไปถามผู้ที่รับผิดชอบ แต่ผมก็คิดว่า เขาก็พยายามอยู่แล้ว แต่ว่า ถ้าอยากจะรู้ก็ต้องไปถาม เมื่อก่อนมี 4 ขา ตอนนี้ มีขาเดียว จะทำอย่างไร ฉะนั้น การดูแลเศรษฐกิจจะต้องเดินไปด้วยกัน เพียงแต่ว่า แต่ละกระทรวงก็มีหน้าที่ขับเคลื่อน ส่วนกระทรวงการคลังก็ไม่ได้มีหน้าที่ทำเรื่องส่งออก เพราะไม่ใช่หน้าที่ แต่เขาก็หารือกันตลอดเวลา”
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงว่า กระทรวงการคลังก็รับผิดชอบแค่ส่วนหนึ่ง เราก็มีมาตรการออกมาและติดตาม กระทรวงอื่นเขาก็รับผิดชอบ ไม่ใช่ว่า เราไม่ได้ทำงานด้วยกัน เพียงแต่รายละเอียด ก็คงต้องไปถามผู้รับผิดชอบโดยตรง คลังคงตอบแทนไม่ได้ ให้ไปถามเขาเอง ไม่ใช่เราไปพูด สศค.ประเมินเฉพาะภาพรวมเศรษฐกิจ ไม่ใช่ประเมินมาตรการของคนอื่น มาตรการทางการคลังที่จะออกมาก็มีหลายด้าน ด้านอุปโภคบริโภคก็จำเป็นเวลาที่เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ เพื่อให้เกิดความหมุนเวียน ขณะเดียวกัน เราก็ต้องช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสิ่งที่มี เช่น ที่อยู่อาศัย เรื่องการลงทุนของผู้ประกอบการทั้งรายกลางและรายเล็กและภาคเกษตร ฉะนั้น ก็จะมีมาตรการที่ดูตามความเหมาะสม ถ้าจะมีมาตรการก็ให้เรียบร้อยก่อน”
matemnews.com
25 พฤศจิกายน 2562
