“เรื่องเล่าสาย ปอ.79 วิ่งระหว่างพุทธมณฑลสาย 2 – ราชประสงค์ วันนี้วันชงจริงๆ ตอนเย็นเดินออกกำลังกายจากสาขาเสาชิงช้ามาสะพานพระปิ่นเกล้า รอรถเพื่อจะต่อกลับบ้าน รอจนสาย ปอ.79 มา เราก็ขึ้นประตูด้านหน้า พอรถออกซักพักคนขับซึ่งเป็นผู้หญิงพูดเสียงดังว่า คนที่เพิ่งขึ้นมา โอ๊ย..ฉีดน้ำหอมไรมาเยอะแยะเดินเข้าไปข้างในๆหน่อย แล้วก็พูดบ่นเยอะแยะ เยอะเหมือนผู้โดยสารฉีดมาทั้งคันรถเลย”
“อ้าวในใจ..กูคนเดียวนี่หว่าที่เดินขึ้นรถมา จากนั้นก็บ่นไปเรื่อย ซึ่งเราจำไม่หมด เขาพูดเสียงดังมากว่าเขาแพ้น้ำหอม อ้าว..แล้วจะรู้เหรอว่าคุณแพ้น้ำหอม จนเราทนไม่ไหว เราก็พูดเสียงดังกลับไปว่าต้องให้ผมตัวเหม็นเปรี้ยวหรือถึงจะขึ้นรถได้ พอรถขับมาได้ซักพักจะถึงพาต้า เขาก็จอดรถเปิดหน้าต่างทำเหมือนจะอ้วกหรืออ้วกจริงไม่รู้ แต่การทำแบบนั้นมัน เอ่อ..เฮ้ย..คนอื่นจะมองเรายังไง”
“ไม่นานกระเป๋ารถเมล์ที่เป็นผู้ชายก็เดินมาถามพี่คนขับรถที่เป็นผู้หญิง แล้วพูดกับคนขับว่า พี่แพ้น้ำหอมเหรอ จากนั้นเราก็ยื่นเงินให้กระเป๋า กระเป๋าก็ถามเราว่าพี่ลงไหน เราก็บอกว่าพาณิชย์จรัญฯ แต่เราดูอาการแล้วคือยังไงก็ต้องลงป้ายนี้ มันอับอายไปหมดแล้ว เราก็บอกว่าเดี๋ยวผมลงเอง ก่อนลงเราก็บอกว่าการที่คนขับพูดแบบนี้แล้วพูดเสียงดังมากมันไม่ถูก คนอื่นจะมองผมยังไง”
“พอได้ยินกระเป๋ารถเมล์ก็พูดว่า พี่คนขับเขาแพ้น้ำหอม เราเลยตอบว่า แล้วผมรู้หรือเปล่าล่ะ ผมก็ไม่รู้ ผมฉีดมาแบบนี้ทุกวันไม่เห็นจะมีอะไรเลย แต่การที่เขาพูดเสียงดังคนอื่นจะมองผมยังไง แล้วเราก็เดินลงไป แต่ถ่ายทะเบียนรถไว้ ก่อนจะโทรฯไปร้องเรียน #เราถามcall center ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพว่า คุณมีการตรวจสุขภาพร่างกายพนักงานหรือเปล่า เขาก็บอกมีการตรวจสุขภาพ จากนั้นก็เล่าให้เขาฟังเรื่องราวทั้งหมด ไม่รู้ว่าคนขับได้แจ้งหรือเปล่าว่าแพ้อะไรบ้าง ผู้โดยสารผิดอะไร ถ้าคนขับมีอาการแบบนี้แล้วผู้โดยสารต้องลงรถหมดเลยใช่มั้ย ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน #เราอาจจะเป็นคนฉีดน้ำหอมเยอะแต่เรากลัวว่าตัวจะเหม็นและกลัวใครมาว่าเรา”