ข่าวที่ดินของปารีณา 2 ธ.ค.2562 เริ่มกันแต่เช้า นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ไปที่ สภ.สวนผึ้ง เข้าพบ ร.ต.อ.ประดิษฐ์ คงเปรม รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดี “นายทวี ไกรคุปต์” พ่อของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในความผิดฐานบุกรุก ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และที่ป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และมีการลงบันทึกประจำวันรับคำร้องทุกข์ เป็นคดีอาญาที่ 419/2562 โดยหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป
“วันนี้ผมมาแจ้งความดำเนินคดีนายทวี และก็เจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงาน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการกระทำความผิดการบุกรุกครอบครองที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ที่เป็นป่าไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ผมได้นำหลักฐานที่ได้รับจากประชาชนในพื้นที่ และก็เอกสารข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผมได้พาพนักงานสอบสวนไปลงพื้นที่ตรวจสอบชี้จุดที่มีการบุกรุก และมีการครอบครองมาหลายสิบปี หลักฐานทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าผมไปทำเอง แต่เป็นการกระทำที่นายทวี ที่ทำมานานมากแล้ว ผมจะมาติดตามความคืบหน้าของคดีเป็นระยะ และขอให้เจ้าหน้าที่ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา”
ทางด้านกรุงเทพฯ เข้าวันเดียวกัน ที่กรมป่าไม้ ถนนพหลโยธิน บางเขน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมทีมใหญ่เปิดแถลงข่าว มีคณะนักข่าวมารายงานหลายสิบคน หลายสำนักทำการไลฟ์สด และ นายทวี ไกรคุปต์ พ่อของปารีณา มานั่งฟังแถลงข่าวในห้องด้วย โดยอธิบดีนำแถลงข่าวว่า
“กรณีนี้หลังจากนี้ไป ไม่อยากให้ข้อมูลเพิ่มเติมมาก เพราะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย การให้ข้อมูลหรือนำเสนอข่าวมากไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ห้วงเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่เกิดปัญหาเรื่องนี้ กรมป่าไม้ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ได้ตรวจสอบข้อมูลมาโดยตลอด พร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐาน และเข้าไปสืบสวนหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อมาตลอด โดยนับตั้งแต่ตั้งคณะทำงานเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 จนถึงการสรุปผลเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2562 ใช้เวลาไม่นานนัก และยืนยันไม่มีใบสั่งจากใคร กรมป่าไม้ไม่ได้เป็นการประวิงเวลา หรือไม่ได้เป็นการที่จะมีหลายมาตรฐาน แตกต่างจากประชาชนทั่วไปที่จะต้องถูกตรวจสอบเรื่องการบุกรุกที่ดินหรือไม่ เพราะตรงนี้เป็นแนวทางปฏิบัติของเราอยู่แล้ว ประชาชนทุกราย ที่ถูกตรวจสอบการถือครองที่ดิน ทุกคนมีสิทธิ์แย้ง มีสิทธิ์ยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม มีสิทธิ์คัดค้าน เพื่อความเป็นธรรม ภายหลังปรากฏข่าวตามสื่อมวลชนกรณีการครอบครองพื้นที่โดยใช้หลักฐาน ภ.บ.ท.5 ของ น.ส.ปารีณา ต่อมาเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบพื้นที่ป่าในท้องที่ จ.ราชบุรี หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2562 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่โดยใช้หมายศาล จ.ราชบุรี จุดที่เข้าตรวจสอบเป็นพื้นที่ครอบครองของฟาร์มไก่ เขาสน 2 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 อยู่นอกเขตปฏิรูปที่ดิน ขณะเข้าตรวจสอบไม่พบบุคคลใด ในพื้นที่สภาพฟาร์มไก่ ไม่พบการเลี้ยงไก่ ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ต.รางบัว ที่ร่วมตรวจสอบให้การว่า ฟาร์มเพิ่งมีการจับไก่ออกไปทั้งหมด ในฟาร์มไก่ เขาสน 2 พบว่ามีการบุกรุกเขตป่าไม้ประมาณ 46 ไร่เศษ น.ส.ปารีณา มีหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อให้ตรวจสอบการรังวัดใหม่ เนื่องจากเห็นว่าน่าจะมีการรังวัดไม่ถูกต้อง เพราะมาตราส่วนของแผนที่ไม่ตรงกันกับของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเกษตรกรรม และระเบียบท้ายกฎกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ประกาศเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อาจทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบถูกดำเนินคดีได้ กรมป่าไม้จึงรับหนังสือขอความเป็นธรรมไว้ และนำมาพิจารณากับคณะทำงานเห็นว่า เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรม จึงตรวจสอบรายละเอียดให้ถูกต้อง จึงร่วมกับ ส.ป.ก. เข้าไปตรวจสอบซ้ำเพิ่มเติม ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2562 คณะทำงานตรวจสอบของกรมป่าไม้ และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จ.ราชบุรี ได้ร่วมเข้าตรวจสอบแนวรังวัดถ่ายทอดแนวเขตอีกครั้งหนึ่ง คณะทำงานของกรมป่าไม้ได้สรุปยืนยันผลการตรวจสอบออกมา พบการบุกรุกที่ดินในเขตป่าไม้ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ โดยมีจำนวนเนื้อที่ที่ตรวจยึดทั้งหมด 46-1-40 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จำนวน 41-1-69 ไร่ ที่ดินส่วนนี้เป็นกรณีที่ยังไม่มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดิน จึงถือว่าเป็นป่า ตามมาตรา 4 (1) แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 โดยบทสันนิษฐานแห่งกฎหมายอยู่ในเขตป่า ตามมาตรา 4 (1) แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว จำนวน 4-3-81 ไร่ แต่เนื่องจากยังไม่มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดินนั้น การทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าและเข้ายึดถือและครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษตามมาตรา 72 ตรี ส่วนการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ยึดถือครอบครองทำประโยชน์อยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษตามมาตรา 31 และกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ฐานเข้าไปยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง เผาป่า ทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และถือได้ว่าเป็นการกระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ มีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 9กรณีนี้มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับ น.ส.ปารีณา ชัดเจน โดยวันนี้ได้มอบหมายให้คณะทำงานนำเรื่องเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ต่อไป ส่วนกรณี น.ส.ปารีณา แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ระบุว่ามีที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 1,700 ไร่เศษ มากกว่าพื้นที่จริงที่มีประมาณ 700 ไร่เศษนั้น เป็นอีกประเด็นหนึ่ง น.ส.ปารีณา ไปตรวจสอบพื้นที่จริง แต่ไม่ได้เป็นการนำชี้โดยเจ้าของที่ แต่มีผู้ปกครองท้องที่มาช่วยนำชี้ พื้นที่จริงมีเท่าไหร่ก็เท่านั้น การขยายผลพื้นที่อื่น ต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป”
นักข่าวถาม กรมป่าไม้จะไปตรวจสอบรายละเอียดการถือครอง ภ.บ.ท.5 ของนักการเมืองรายอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ นายอรรถพล ตอบว่า
“ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้ตรวจสอบ หรือมีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนพร้อมจะดำเนินการตามกฎหมาย ต้องทำความเข้าใจว่าการครอบครอง ภ.บ.ท.5 ไม่ใช่ใครครอบครองผิดกฎหมายทั้งหมด แต่ ภ.บ.ท.5 ไม่สามารถนำมาเป็นเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองตามกฎหมายได้เท่านั้นเอง เพราะเงื่อนไขในพื้นที่ต้องดูหลายอย่าง แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจน ที่ดินนั้นยังเป็นที่ดินรัฐ ตราบใดที่มีการครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน ใครที่อยู่ต้องดูเงื่อนไข อาจได้รับการรับรองสิทธิ์ หรือเงื่อนไขใช้ประโยชน์ในพื้นที่ อยากสื่อสารว่า ภ.บ.ท.5 ไม่ได้ผิดกฎหมายทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่า การนำเอกสาร ภ.บ.ท.5 เป็นเอกสารแสดงสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น เป็นคนละประเด็น”
การแถลงข่าวมาถึงช่วงนี้ นายทวี ไกรคุปต์ ได้ยืนขึ้นและเดินมาพูดที่ไมโครโฟน พูดขอความเป็นธรรมแก่ น.ส.ปารีณา พร้อมกับโชว์เอกสารแฟ้มใหญ่ที่เตรียมมา เป็นประกาศท้ายกฎกระทรวง แผนที่ประกาศท้าย พ.ร.ฎ.ประกาศเป็นเขตป่าสงวน มาตรา 1:400,000 ในหลายพื้นที่ จ.ราชบุรี แล้วนายทวีได้เดินเข้าไปถึงหน้าโต๊ะแถลงข่าวที่ทั้งทีมนั่งอยู่ อธิบดียืนขึ้นประจันหน้า นายทวีถามอธิบดีกรมป่าไม้ว่า พื้นที่ ภ.บ.ท.5 ของ น.ส.ปารีณา ที่ถูกกรมป่าไม้ดำเนินคดีนั้น อยู่ตรงไหน มีพื้นที่สีเหลืองตามประกาศท้ายกฎกระทรวง คือพื้นที่ที่กรมป่าไม้เห็นว่า น.ส.ปารีณา มีการบุกรุกป่าสงวนใช่หรือไม่”
นายอรรถพล ตอบว่า
“ใช่ แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดทางคดีได้ ประกาศท้ายกฎกระทรวงที่นายทวีนำมาเป็นของจริง แต่กรมป่าไม้มีระบบเอกสารที่เรียกว่า ไฟลด์บุ๊ก (Field Book) ที่ตรวจสอบแนวเขตป่าต่าง ๆ ได้ รายละเอียดมีมากกว่าประกาศท้ายกฎกระทรวง ดังนั้นพยานหลักฐานชิ้นนี้นายทวีสามารถนำไปต่อสู้ได้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป”
แล้วการแถลงข่าวก็จบลง
matemnews.com
2 ธันวาคม 2562
