Home ข่าวทั่วไปรอบวัน ศาลฎีกาสั่ง “กรุงศรีวิไล” หยุดทำหน้าที่ ส.ส.

ศาลฎีกาสั่ง “กรุงศรีวิไล” หยุดทำหน้าที่ ส.ส.

805
0
SHARE

 

 

เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง  เผยแพร่เมื่อบ่ายวันที่ 2 ธ.ค.2562 คำวินิจฉัยกกต.กรณีมีมติยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขอให้เพิกถอนสิทธิสมัคร สิทธิเลือกตั้งและดำเนินคดีอาญา

 

นายชาติชาย วรพิพัฒน์

ผู้สมัครส.ส.เขต 2 จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์

 

ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 138 มาตรา 73วรรคหนึ่ง( 5) ประกอบมาตรา 159 หลังตรวจสอบพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นแผ่นบันทึกภาพและเสียงประกอบคำร้องของผู้ร้องและคำรับของนายชาติชายแล้วฟังได้ว่า

 

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. เวลา 10.18 น. นายชาติชาย ได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่บริเวณตลาดวังพง ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว  จ.จันทบุรี มีข้อความบางช่วงบางตอนว่า  “ท่าน(หมายถึงนายชวน หลีกภัย) ) บอกว่าท่านขอโทษพี่น้องพรรคประชาธิปัตย์ทุกท่าน ท่านเสียใจมากที่ส.ส.ประชาธิปัตย์คนเดิมทั้ง 3 คนได้ถูกซื้อตัว แล้วย้ายพรรคไปแล้วนะครับ พวกผม 3 คนเขต 1 รองปวีณา เขต 2 ผมกำนันชาติ เขต 3 น้องเบนซ์ ชรัตน์ เนรัญชร นะครับ เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ให้กับพี่น้องชาวจันทบุรีในนามพรรคประชาธิปัตย์”

 

และข้อความ “ส่วนที่ท่านรองสาธิต( หมายถึงนายสาธิต ปิตุเตชะ)ได้พูดว่าให้พวกเราทั้ง 3 คน ยืนยันกับพ่อแม่พี่น้องชาวแห่งหางแมว พ่อแม่พี่น้องชาวจันทบุรี ไว้แต่แรกแล้วนะครับว่า ที่นายกชวนได้พูดถึงนะครับว่าท่านเสียใจแล้วก็ขอโทษพี่น้องชาวแก่งหางแมวและพี่น้องชาวจันทบุรีที่ส.ส.ทั้ง 3 คน ได้ถูกซื้อตัวแล้วก็ย้ายพรรคไปอยู่พรรคอื่นแล้ว  พวกผมทั้ง 3 คนนะครับ ยืนยันแล้วก็ปฏิญาณนะครับ พร้อมที่จะปฏิญาณกับพี่น้องชาวแก่งหางแมว และก็พี่น้องประชาธิปัตย์ชาวจันทบุรีว่าพวกเรา 3 คน จะทำงานด้วยอุดมการณ์ เงินเพียงมากน้อยแค่ไหนอย่างที่ท่านรองสาธิตท่านบอกของท่านยังมีตกแล้วอย่างน้อยต้องมี 70 ล้านขึ้น พวกผมทั้ง 3 คนก็ยังถืออุดมการณ์ อย่างที่ท่านรองสาธิตว่า เงินไม่สามารถซื้อพวกเราได้ “

 

โดยในขณะปราศรัยหาเสียงดังกล่าว นายชาติชายได้จัดให้มีการเผยแพร่ภาพและเสียงผ่านทางเฟซบุ๊คชื่อชาติชาย วรพิพัฒน์ ด้วยการปราศรัยหาเสียงโดยใช้คำว่า “ส.ส.ประชาธิปัตย์คนเดิมทั้ง 3 คนได้ถูกซื้อตัวแล้วย้ายพรรคไปแล้ว “ ซึ่งผู้ร้องยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาผู้ร้องได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส. จันทบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์  แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ย้ายมาสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ การปราศรัยหาเสียงดังกล่าวของนายชาติชาย จึงหมายถึงผู้ร้องซึ่งอดีตเคยเป็นส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และต่อมาย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ  จึงเป็นการใส่ร้ายผู้ร้องและทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจว่าย้ายพรรคเพราะถูกซื้อตัว  ละทิ้งอุดมการณ์เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน  อันเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยมและจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับนายชาติชาย การกระทำของผู้ร้องจึงเข้าข่ายเป็นความผิด

 

ทั้งนี้ กรณีของนายชาติชาย หากศาลฎีกามีความเห็นยืนตามที่กกต.เสนอก็จะเป็นอีกกรณีหนึ่ง  ต่อจากกรณีใบเหลืองของนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.เขต 5  สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกกต.ได้ส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาแล้ว โดยจะมีผลให้ต้องมีคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อของทุกพรรคการเมืองใหม่  หลังจากตัดคะแนนของนายชาติชายออก ซึ่งในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายชาติชาย ได้คะแนน 19,711 คะแนน

 

นอกจากนี้ ยังมีคำวินิจฉัยให้ดำเนินคดีอาญากับนายไพรัตน์ สุขสถาพรชัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์  จ.กาญจนบุรี ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 158 ประกอบมาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1)จากกรณีมีหลักฐานเป็นคลิปบันทึกภาพและเสียงของพยานและคำให้การของพยานที่ยืนยันตามที่มีผู้แจ้งเหตุว่า วันที่ 23 มี.ค. 62 เวลา 20.30 น.ก่อนวันเลือกตั้งได้รับเงินจำนวน 600 บาทจากนายไพรัตน์ เพื่อจูงใจให้ผู้แจ้งเหตุและผู้มีสิทธิเลือกตั้งในบ้านรวม 3 คน ลงคะแนนเลือกตั้งให้กับ  พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์  ผู้สมัครส.ส.เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นผู้ถูกร้องแต่ไม่มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าพล.อ.สมชาย เกี่ยวข้องกับการกระทำของนายไพรัตน์ และพล.อ.สมชายยืนยันว่าไม่รู้จักนายไพรัตน์ จึงยังฟังไม่ได้ว่าพล.อ.สมชายเป็นผู้ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้นายไพรัตน์กระทำการ จึงให้ยุติเรื่องในส่วนที่ร้องพล.อ.สมชาย

 

บ่ายวันเดียวกัน   องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง  สนามหลวง ออกนั่งบัลงค์  อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำ ลต.(สส)585/2562 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เเละให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่สําหรับเขตเลือกตั้งนั้น และให้สมาชิกภาพของ ส.ส. ที่ได้รับเลือกตั้งจากเขตเลือกตั้งนั้นสิ้นสุดลง กับ

 

นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก

ส.ส.เขต 5 สุมทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ผู้คัดค้าน

 

จากกรณีบุคคลใกล้ชิดใส่ซองช่วยงานศพ ซึ่งกกต.เห็นว่าเข้าข่ายเป็นความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (1) ให้ เสนอให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเอง

 

วันนี้ผู้รับมอบอำนาจผู้ร้องเดินทางมาศาล โดยศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้ตรวจคำร้องแล้วมีคำสั่งรับคำร้อง และรับบัญชีระบุพยานของผู้ร้องไว้พิจารณา พร้อมกำหนดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 25 ธ.ค.62 เวลา 10:00 น. ทั้งนี้ ให้มีหนังสือแจ้งคำสั่งรับคำร้องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรทราบ และเนื่องจากศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว จึงให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่ตาม พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 133 เเละมาตรา 138 วรรคสาม

 

matemnews.com 

2 ธันวาคม 2562