วันที่ 9 ธ.ค.62 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยข้อมูลสถิติย้อนหลัง พบว่าในแต่ละปีมีผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ไม่ได้มาติดต่อขอขึ้นเงินรางวัลเป็นจำนวนมาก ซึ่งสถิติย้อนหลังในรอบ 10 ปี พบว่ามีเงินรางวัลถูกยึดกลับเข้าเงินแผ่นดินตามระเบียบไปมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่คนไม่ติดต่อขอรับเงินรางวัลนั้น อาจจะมีการทำลอตเตอรี่หาย หรือซื้อเก็บเอาไว้จนลืมตรวจรางวัล จนกระทั่งระยะเวลาล่วงเลย 2 ปี ก็ไม่สามารถไปขึ้นเงินได้ แต่สาเหตุที่พบมากที่สุดคือ ตรวจเลขรางวัลไม่ละเอียด เพราะดูเฉพาะรางวัลหลักๆ เช่น เลขท้าย 3 ตัว, เลขท้าย 2 ตัว หรือรางวัลที่ 1 เท่านั้น
รางวัลขนาดกลาง รางวัลที่ 2, รางวัลที่ 3, รางวัลที่ 4 และรางวัลที่ 5 เป็นรางวัลที่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไป ทำให้ในแต่ละปีมีเงินจากรางวัลนี้ ที่ไม่มีใครมาขึ้นเงินรางวัล ต้องนำกลับส่งคืนให้กับคลังหลวง ในช่วงปี 2555-2560 พบว่าส่งเงินคืนแผ่นดินประมาณ 650-800 ล้านบาทต่อปี แต่ในปี 2561-2562 กลับพบว่ามียอดผู้ไม่ขึ้นเงินรางวัลเพิ่มสูงขึ้นเป็นพันล้านบาท
ส่วนสถิติการนำส่งรายได้เข้าแผ่นดิน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2552-2561 มีการส่งรายได้จากขายลอตเตอรี่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 2.5 แสนล้านบาท ในช่วงปี 2552-2558 สำนักงานสลากจัดส่งรายได้เฉลี่ยปีละ 13,000-15,000 ล้านบาท และล่าสุดปี 2562 นำส่ง 41,916 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มเพดานการพิมพ์สลากขึ้นอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันมีถึงงวดละ 100 ล้านใบ
อย่างไรก็ตามหากเทียบสัดส่วนของคนที่ไม่มาขึ้นรางวัลกับคนที่ขึ้นรางวัลถือว่าไม่มาก เพราะในแต่ละงวด หากมีการจัดพิมพ์สลากฯ ครบ 100 ล้านฉบับ จะมีการจัดสรรจ่ายเงินรางวัลงวดละ 4,800 ล้านบาท หรือ 1 ปีมี 24 งวด จะจ่ายเงินรางวัลรวมปีละ 115,200 ล้านบาท ทางกองสลาก จึงอยากแนะนำผู้ซื้อลอตเตอรี่ให้ตรวจสอบรางวัลอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง