เลิกประชุมครม.ประมาณ 13 น.วันที่ 24 ธ.ค.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงมายืนแถลงข่าวแก่คณะนักข่าวที่โพเดียม โถงล่างตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ปลานประเด็นตามปกติทุกวันอังคาร
กรณีเกิดภาวะประชาชนทั้งประเทศตื่นผวาภาษีที่ดินใหม่ ภาษีบ้านหลังที่ 2 ที่จะต้องเสียเงินยุ่บยั่บ
“ผมทราบว่าทุกคนตื่นตระหนกจากการที่มีหนังสือแจ้งไปอะไรต่างๆ ขณะนี้กำลังหามาตรการว่าจะทำอย่างไร ขอให้มองเจตนารมณ์ว่าคืออะไร เป็นการเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพตรงกับการใช้ประโยชน์จากที่ดินและทรัพย์สินโดยตรง ว่าจะทำอย่างไร เพราะงบประมาณเหล่านี้จะนำไปสู่รายรับรายจ่ายของท้องถิ่นเพื่อนำไปพัฒนาพื้นที่ถ้าเรามีงบฯท้องถิ่นน้อยเกินไป ต้องเอางบกลางไปเสริมมาก งบกลางต้องนำไปทำอย่างอื่น ดังนั้นจะทำอย่างไรจะเข้มแข็งได้ ก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป วันนี้อยากทำความเข้าใจว่าสิ่งที่ต้องทำมี 2 อย่าง กรณีที่อยู่อาศัยหรืออื่นๆที่ไม่มีรายได้เพิ่มเติมภาษีน้อยมากอยู่แล้ว ส่วนที่สองคือเอาแปลงบ้านไปให้เช่า เหล่านี้ก็ต้องเสียภาษีอีกอันหนึ่งเพราะมีรายได้ขึ้นมา นี่คือหลักการสำคัญอยู่แล้ว ในช่วงนี้มีเวลาประมาณ 4 เดือน ที่เขาแจ้งไปก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนก เพียงแต่ว่าขอให้ส่งรายละเอียดไปว่า บ้านที่มีตรงโน้นตรงนี้ที่ซื้อไว้ หรือซื้อให้ลูก ก็ถือเป็นเรื่องอื่นๆ แต่ถ้าให้เช่าก็ขอให้แจ้ง ถ้าไม่แจ้งก็เดือดร้อนวุ่นกันไปหมด คนทำงานก็ทำไม่ได้ เก็บอะไรก็ไม่ได้ ข้อมูลไม่มี ดังนั้น เราต้องยอมรับในกติกาด้วย ถ้าเราไม่ได้อยู่แล้วเอาให้คนเช่าต่อก็แจ้งไป หรือจะอยู่ตลอดหรือเป็นครั้งเป็นคราวก็แจ้งไป เขาจะได้เก็บภาษีให้ถูกต้องไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะไปรีดภาษีจากใคร แต่ขอให้แจ้งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ วันนี้ได้มีการแจ้งหนังสือไป หลายคนก็ร้องมาว่าตื่นตระหนกกันหมด ทุกคนต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงของตัวเองด้วย ต้องช่วยกันพัฒนาประเทศ”
“เราคาดหวังว่าไตรมาสแรกของปีหน้าน่าจะดีขึ้น รัฐบาล ดำเนินการมาตลอดอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการระยะสั้น กลาง ยาว ต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจ โลก เปลี่ยนแปลง ทุกประเทศกำลังลำบาก ทุกคนทราบสาเหตุอยู่แล้ว เรื่องของเศรษฐกิจเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนประเทศ ถ้าเราทำให้เกิดความรู้สึกโดยตลอดว่า มันไม่ดีมากๆ บางครั้งก็เกินเลยไปหน่อย หากเราร่วมกันสร้างความมั่นใจว่าเศรษฐกิจยังไปได้อยู่อาจน้อยบ้าง ชะลอตัวบ้าง แต่ถ้าทุกคนร่วมมือกันก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และเชื่อมั่นว่าโครงการถนนคนเดินทั่วประเทศ จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยในทุกพื้นที่ ทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีการหมุนเวียน ทุกอย่างก็จะดีขึ้นและเมื่อภาครัฐมีเงินงบประมาณเติมเข้าสู่ระบบหลังพ.ร.บ.งบประมาณผ่านตามขั้นตอนก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นและน่ายินดีว่า งานโอทอปซิตี้ 2019 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมมากกว่า 1,372 ล้านบาท ทำลายสถิติรอบ 5 ที่ผ่านมา เป็นการแสดงให้เห็นว่า ชุมชนและสินค้าต่างๆ มีการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ผมต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ไตรมาส 4 ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งผลไปยังไตรมาสแรกของปี 2563 รวมทั้งการเน้นการลงทุนในรัฐวิสาหกิจต่างๆ เกือบแสนล้านบาท ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็ว โดยต้องใช้เงินอย่างเหมาะสม ทุกคนต้องช่วยกันด้วยความเข้าใจจะไปบังคับเขาไม่ได้”
“มาตรการทางการเงินวันนี้ ทุกคนทราบดีว่าเรามีปัญหาเรื่องค่าเงินบาทแข็งตัว มีมาจากหลายสาเหตุ โดยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานต่างๆ หามาตรการการผ่อนคลายว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้มีมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการออกมาตรการที่จะให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ จึงไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนกกันมากเกินไป วันนี้ทุกคนต้องร่วมมือกันทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต เพราะไม่เช่นนั้นจะกระเทือนไปถึงปัญหาเศรษฐกิจ การปลดพนักงาน ธุรกิจปิดตัว รัฐบาลก็มีมาตรการรองรับไว้หลายด้าน จึงไม่อยากให้เหมารวมว่า เป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจ ถ้าตรวจสอบดูจะพบว่า หลายโรงงานเขาสมัครใจที่จะปิดตัวเอง เพราะสู้ต้นทุนไม่ไหว หรือไม่สามารถพัฒนาสินค้าได้ จึงจำเป็นต้องปิดตัวลง มีโรงงานที่ปิดตัวลง 1,480 แห่ง แต่ขณะเดียวกันก็มีการเปิดโรงงานใหม่ ๆ มากขึ้นเพิ่มเป็นสามเท่า มีการจ้างงานใหม่จำนวน 178,733 คน มีมูลค่าการลงทุนแสนล้านบาทมีการหมุนเวียนแรงงานและทุกคนต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ภาวการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกปี วันนี้ตัวเลขการจ้างงานมีมากกว่าคนตกงาน ถือเป็นเรื่องธรรมดาของโลกปัจจุบัน”
“ผมได้ย้ำเตือนในที่ประชุม ครม.ในเรื่องการให้ข้อมูลกับประชาชน โดยจะให้มีการตรวจสอบไปยังศูนย์บริการต่างๆ ทั้งของกรมหรือของหน่วยงานต่างๆ ว่าสามารถตอบคำถามประชาชนได้จริงหรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็จะมองว่านายกฯ พูด แต่ในทางปฏิบัติทำไม่ได้ และขอข้อมูลจากใครก็ไม่ได้เพราะทุกคนโยนกันไปมา ผมจะตรวจสอบเอง พร้อมสั่งรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงและกรมต่างๆ ไปกวดขันศูนย์ให้ข้อมูลข่าวสารตามช่องทางโทรศัพท์ต่างๆ ขอให้ใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด อย่าใช้ในการสนุกสนานเย้าแหย่หรือแกล้งเจ้าหน้าที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ต้องวางตัวให้เหมาะสม อย่าโยนกันไปมา แต่ต้องตอบคำถามให้ได้ ถ้าตอบไม่ได้ก็ต้องชี้แจงให้ชัดว่าจะต้องไปถามที่ไหน อย่าแขวนโทรศัพท์ไว้แล้วกลับไปคุยเล่นกัน เพราะถือเป็นภาพที่ไม่ดี ต่อไปนี้จะให้มีการกำกับดูแลเป็นพิเศษ รวมถึงศูนย์ให้บริการเรื่องธุรกิจเอกชนต่างๆ ก็ต้องมีคำตอบให้กับประชาชนด้วย เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำงาน รวมทั้งนโยบายต่างๆ และต้องมีการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมด้วย”
“ผมได้มอบนโยบายไปแล้วว่า นโยบายของรัฐบาลนี้ต้องนำเป้าหมายมาเป็นตัวกำหนดในการจัดทำโครงการต่างๆ มาตรการช่วยเหลือไม่ได้เรียกว่าเป็นประชานิยม เพราะประชานิยมคือการหว่านลงไปทั้งหมด โดยไม่มีข้อยกเว้น แต่รัฐบาลนี้เราจะแยกแยะทุกอย่างเป็นหมวดหมู่ อย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขอยันว่าไม่เหมือนกับประชานิยม เพราะเราไม่ได้ให้ทั้งหมด แต่เราให้กับผู้ที่รายได้ต่ำกว่าแสนบาทต่อปี เพราะเราต้องดูแลผู้ที่มีรายได้น้อย เรื่องนี้ขอให้ทำความเข้าใจกันให้ดี ผมเห็นว่าสิ่งที่ทำนั้น ไม่ใช่ประชานิยม ถ้าเป็นประชานิยมก็ต้องทำให้คนรักผมทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ หรือการดูแลเด็กตั้งแต่ 0 – 6 ปี ก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่จะต้องดูแลถึงระดับปริญญา เพราะเรายังไม่มีรายได้ที่สูงพอ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องของประชานิยม” นายกฯ กล่าว
“การแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อน เป็นปัญหาที่ภาครัฐได้แก้มายาวนาน จึงมีกลไกคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ขึ้นมา รวมถึงกลไกแผนที่มาตรา 1: 4,000 เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อแก้ปัญหาเป็นพื้นที่ โดยใช้กฎหมายของแต่ละหน่วยงาน ไม่ว่าจะพื้นที่ป่า หรือพื้นที่ที่ประชาชนอาศัยมาแต่เดิม แต่หากตรงไหนไม่มีปัญหาก็ไม่ได้ใช้แผนที่ 1:4,000 ตรงไหนที่มีการบุกรุก พิสูจน์สิทธิแล้ว บางอย่างต้องปรับเป็นการเช่าที่ให้ถูกต้อง เป็นการพิจารณาร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำที่ดินเหล่านั้นมาให้ผู้ไม่มีที่ทำกิน ที่ผ่านมาดำเนินการไปหลายแสนครัวเรือนแล้ว และยังมีอีกเยอะ ตอนนี้มีปัญหาทุกจังหวัด ผมได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประชุมร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหา ตอนนี้ขอให้รู้ไว้ว่าอย่าบุกรุกกันอีก และตอนนี้ก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ภาครัฐต้องหามาตรการที่เหมาะสม อันไหนที่ผิดชัดก็ขอให้คืน ปรับเปลี่ยนไปเป็นเช่า เราต้องการใช้ประโยชน์สูงสุดในที่ดินที่มีจำนวนน้อย ต้องนึกถึงคนยากจนเป็นหลัก ไม่ใช่ดูแลคนรวยหรือดูแลคนจน ถ้าคิดแบบนี้แก้ไม่ได้สักอัน”
matemnews.com
24 ธันวาคม 2562