พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หายไข้กลับมาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล เข้าเป็นประธานกประชุม คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ เลิกแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะประธานคณะนี้ ให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่า
นายกรัฐมนตรี ให้ความห่วงใยสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เน้นย้ำการป้องกันโรคให้คนทุกคนที่อยู่ในเมืองไทยมีความปลอดภัยจากไวรัสดังกล่าวให้มากที่สุด ส่วนเรื่องความเสียหายทางเศรษฐกิจสามารถออกมาตรการเยียวยาในภายหลังได้ แต่ชีวิตและสุขภาพของคนถ้าติดเชื้อ ป่วย เสียชีวิตแล้วเอากลับมาไม่ได้ กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการป้องกันระดับสูงสุด เตรียมอุปกรณ์ป้องกันการติด โดยให้กระทรวงพาณิชคุมราคาอย่าให้มีใครฉวยโอกาสขึ้นราคาเอาเปรียบกันช่วงนี้ และให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประสานไปยังบริษัทผู้ผลิตและนำเข้าในการเตรียมอุปกรณ์ป้องกันโรคให้เพียงพอ ส่วนเรื่องสถานพยาบาลที่จะรองรับการดูแลผู้ป่วยยืนยันว่ามีเพียงพอและได้รับการสนับสนุนจากหน่วยแพทย์ทหาร กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาต้องประสานสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในการจัดบัญชีข้อมูลนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางมาจากประเทศจีนต้องแต่เดือน พ.ย. 2562 จนถึงปัจจุบันว่ามีจำนวนเท่าไหร่ มีชื่อ มีรายละเอียดส่วนบุคคลอย่างไรบ้าง มีกี่คนที่เข้าแล้วออกไปแล้ว เหลือกี่คนที่ยังอยู่และจะออกเมื่อไหร่ ต้องมีรายละเอียดส่งให้กระทรวงสาธารณสุข เพราะหากมีการระบาดในประเทศจะได้มีข้อมูลติดตามผู้ที่สงสัยว่าเป็นพาหะนำเข้า เรื่องผลกระทบกับเศรษฐกิจ ขณะนี้เรามีการยกระดับการตรวจคนเข้าเมืองเป็นสถานการณ์พิเศษ โดยคนที่จะเดินทางเข้ามาต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าปลอดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ไม่มีความเสี่ยงจากประเทศต้นทาง และมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวให้ศึกษาผลกระทบและนำเสนอมาตรการให้ความช่วยเหลือต่อไป หากเราจำเป็นต้องใช้มาตรการจำกัดการเข้าเมือง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน คนอาจจะกังวลเรื่องากรกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหากออกมาตรการเข้มนี้ ต้องเรียนว่าถึงอย่างไรก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนคนไทย เรื่องการสื่อสารกับสังคมจะมี 3 ระดับ โดย 1.ระดับรัฐบาลจะมีแถลงข่าวผ่านคณะกรรมการชุดนี้ จะมีการตั้งโฆษกเพื่อทำหน้าที่แถลงต่อไป 2.ระดับปฏิบัติการจะเป็นหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ให้ปลัดกระทรวง อธิบดีกรมควบคุมโรค หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และ 3.ระดับของการตอบโต้สถานการณ์ข่าวต่างๆ รายวัน จะมีโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ให้ข้อมูล พร้อมร่วมมือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตรวจสอบและดำเนินการเอาผิดคนปล่อยข่าวเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท ส่วนการให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนกระทรวงสาธารณสุขจะตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารเพียงจุดเดียว เพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ทันต่อสถานการณ์ ป้องกันข้อมูลซ้ำซ้อน โดยมีอธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ”
เช้าวันเดียวกัน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานแถลงข่าวสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุใหม่ 2019 รอบเช้าประจำวันนี้ ว่า ยืนยันผู้ป่วยที่ไทยตรวจพบคงที่ 14 ราย ล่าสุดหายและกลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 7 รายที่ไทยรักษาจนหายปลอดเชื้อ ขณะนี้ยังเหลือผู้ป่วยอีก 7 รายที่อยู่ระหว่างการรักษา ส่วนผู้เข้าเกณฑ์สงสัยป่วยขณะนี้มี 280 ราย อยู่ระหว่างตรวจยืนยัน DNA เชื้อ แต่เบื้องต้นส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่
ส่วนกรณีที่องค์การอนามัยโลก ประกาศยกระดับให้โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ถือว่าเป็นผลดีเพราะทั่วโลกจะมีการเฝ้าระวังโรคนี้มากขึ้นจะช่วยชะลอการระบาดให้เป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้การรับมือและรักษามีประสิทธิภาพ ซึ่งในส่วนของไทยบ่ายวันนี้คณะกรรมการโรคติดต่ออุบัติใหม่ ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะประชุมเพื่อบูรณาการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนรับมือให้เข้ากับสถานการณ์ รวมถึงกรณีต้องไปรับนักศึกษาไทยจากจีนด้วย
นพ.สรรพงศ์ ฤทธิรักษา รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่ไม่ป่วยแต่อยากป้องกันเชื้อนอกจากสวมหน้ากากอนามัยทำจากผ้า กินร้อนช้อนกลาง ล้างมือ แล้ว ยังสามารถใช้ฟ้าทลายโจร ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ แต่การป้องกันนี้ไม่จำเป็นต้องทำทุกคน คนแข็งแรงทั่วไปเพียงดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ เลี่ยงความเสี่ยงสัมผัสเชื้อก็เพียงพอ
ข่าวของสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
Matemnews.com
31 มกราคม 2563