Home ข่าวทั่วไปรอบวัน อนุทิน ไม่บอกกักตัวคนไทยกลับจากอูฮั่นที่ไหน

อนุทิน ไม่บอกกักตัวคนไทยกลับจากอูฮั่นที่ไหน

449
0
SHARE

 

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ไปที่ ร.พ.ราชวิถี เมื่อตอนเช้า 3 ก.พ.2563 มีคณะข้าราชการใหญ่ไปด้วย   เยี่ยมผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ แล้วให้สัมภาษณ์คณะนักข่าว

 

“ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสสะสม 19 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 8 ราย กำลังจะอนุญาตให้กลับบ้านอีก 4 ราย  การที่คณะหมอ รพ.ราชวิถี ที่แถลงข่าวว่าใช้สูตรยา 2 ขนานในการรักษาผู้ป่วยแล้วได้ผลดีฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ทั้งๆที่เป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง   โดยการรักษานี้ทีมแพทย์ได้ใช้ประสบการณ์และความชำนาญในการดูแลเมื่อได้ผลจึงทำเป็น Case Report รายงานมาให้ทราบเพื่อให้สถาบันการแพทย์และสถาบันวิจัยได้มีการนำข้อมูลนี้ไปหาข้อเท็จจริงกันต่อ เพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคในภายภาคหน้า  การไปรับคนไทยที่อู่ฮั่น 161 คน  ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า  จะใช้ทีมแพทย์ 2 ทีม  เป็นทีมแพทย์ฉุกเฉินทางด้านระบาดและจิตแพทย์ โดยมีผอ.สถาบันบําราศนราดูร เป็นหัวหน้าทีมมีแพทย์ทหาร ร่วมเดินทางไปด้วย  2 คน เมื่อทั้งหมดกลับถึงประเทศไทยแล้วจะถูกนำ เข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังสอบสวนโรคระยะเวลา 14 วัน  โดยทั้งหมดอยู่รวมกันในพื้นที่ที่ให้เขาสามารถปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ได้เพื่อไม่ให้เกิดความเครียด เพราะเท่าที่อยู่อู่ฮั่นก็มีความเครียดมากพอแล้ว แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อสถานที่  เพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย  ยืนยันว่าทีมแพทย์จะให้การดูแลและให้ความมั่นใจว่าจะไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา  หรือเชื้อใดๆ ออกมา แน่นอน ญาติๆของผู้ที่จะเดินทางกลับมาทั้ง 161 คนขอความกรุณางดเยี่ยม แต่เราจะใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารให้ทุกท่านสามารถพูดคุยกันได้”

 

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ชี้แจงประเด็น กรณีมีข้อสังเกตว่าสูตรยายาต้านไวรัสเอชไอวีร่วมกับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่โอเซลทามิเวียร์ ที่แพทย์รพ.ราชวิถีใช้รักษาผู้ป่วยอาการรุนแรง ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นสูตรยาของจีนที่ใช้อยู่แล้ว และมีการตีพิมพ์ในวาระสารทางการแพทย์ในวันที่ 29 ม.ค.2563ว่า

 

“โรคนี้เป็นโรคอุบัติใหม่ที่ยังไม่มีแนวทางการรักษาที่เป็นมาตรฐาน มีเพียงการรายงานเคสที่ให้การรักษาเท่านั้น และทางการจีนรายงานผลการดูแลผู้ป่วย 40 รายแรก ก็มีเพียงการใช้ยาต้านเอชไอวีเท่านั้น ไทยก็ให้ยาต้านด้วย  แต่หลังจากนั้นทีมแพทย์ได้รับการส่งตัวผู้ป่วยอาการรุนแรง เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2563 จนถึงขั้นอาจจะเสียชีวิตได้ ทีมแพทย์จึงพิจารณาให้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ร่วมกับยาโอเซลทรามิเวียร์ เพราะมองว่ายาต้านไวรัสเอชไอวีจะไปยับยั้งการเพิ่มจำนวนเซลล์ ส่วนยาโอเซลฯ จะใช้เพื่อยับยั้งไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์  ในเวลา 12 ชั่วโมงผู้ป่วยอาการดีขึ้น ภายใน 24 ชั่วโมงผลเอ็กซ์เรย์ปอดดีขึ้น และใน 48 ชั่วโมงผลตรวจไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนา   เป็นการให้ยาตามสูตรก่อนที่จะมีการเผยแพร่บทความดังกล่าวในวันที่ 29 ม.ค. 2563  แต่เวลาที่อังกฤษช้ากว่าไทยถึง 6 ชั่วโมง  จีนจะให้ยาสูตรวันละ 1 เม็ด 2 เวลา ส่วนไทยให้ 2 เม็ด 2 เวลา ขณะนี้มีคณะกรรมการพิจารณาจัดทำแนวทางการรักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่  จะเอารายงานสูตรการรักษาของรพ.ราชวิถีเข้าไปพิจารณาด้วย”

 

นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช อายุรแพทย์โรคปอด นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี แถลงว่า  “ขณะนี้คนไข้ที่รับยาอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ผลตรวจเยื่อบุโพรงจมูกไม่พบเชื้อฯ แล้ว ส่วนอีกรายขณะนี้อาการดีขึ้นมากรอแค่ผลการตรวจยืนยัน 2 รอบ หากไม่พบเชื้อแล้วก็ให้กลับบ้านได้”

 

ด้าน นพ.พจน์ อินทลาภาพร หัวหน้างานโรคติดเชื้อ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ รพ.ราชวิถี  แถลงว่า

 

“ขอเตือนประชาชนอย่าไปซื้อยาต้านไวรัสเอชไอวีมาใช้เอง เพราะเป็นยาอันตรายจะทำให้เสี่ยงเกิดเชื้อดื้อยาได้ รวมถึงยานี้ไปส่งผลกระทบให้ประสิทธิภาพยาตัวอื่นๆ ลดลงได้”

 

matemnews.com 

3 กุมภาพันธ์ 2563