หลังจากที่พรรคเศรษฐกิจใหม่ โดย นายศุภดิช อากาศฤกษ์ รักษาการหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ทำหนังสือถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แจ้งถอนตัวจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อทำงานอิสระตามแนวทางของพรรค เมื่อ 31 ม.ค.2563 ต่อมา 11 น.3 ก.พ. “นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ มาแถลงข่าวแก่คณะสื่อมวลชน ที่โพเดียมรัฐสภาเกียกกาย ว่า
“กรณีดังกล่าวมีประชาชนเคลือบแคลงใจในท่าทีของพรรค เนื่องจากที่ผ่านมา การดำเนินกิจกรรมของพรรคเศรษฐกิจใหม่ได้หาเสียงเลือกตั้ง โดยชี้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้สร้างประชาธิปไตย โดยมี 2 รูปแบบ ได้แก่ 1.ประชาธิปไตยที่มาจากพรรคของ คสช. คือ พรรคพลังประชารัฐ และ 2.ประชาธิปไตยของอีกฝั่ง เมื่อเราประกาศว่าจะไม่อยู่กับฝั่ง คสช.ก็ต้องอยู่กับอีกฝั่งหนึ่ง ผมเชื่อว่าคนที่เลือกพรรคเศรษฐกิจใหม่กว่าครึ่งล้านคน ก็มาจากปัจจัยนี้ จนกลายเป็น 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ปรากฏว่าในการโหวตเรื่องที่สำคัญนั้น 7 พรรคฝ่ายค้านมีมติออกมา ถ้าคุณยังเป็น 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ต้องทำตามนั้น แต่ปรากฎว่า ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่โหวตสวนพรรคร่วมฝ่ายค้านหมด ทั้งๆที่คุณก็ไปประชุมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านมา ผมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าในที่ประชุม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน นายภูมิธรรม เวชชยชัย ได้ถามตรงๆว่าตกลงคุณจะเอายังไงกันแน่ ถ้าคุณทำแบบนี้คุณต้องกลับไปทบทวนจุดยืนให้ชัดเจน ผมเห็นด้วยกับวิธีการนี้ ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้นต้องชัดเจน แต่กลับออกมาหนังสือขอถอนตัวจากการเป็นฝ่ายค้าน การออกหนังสือดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง เพราะถามกรรมการบริหารพรรคปรากฎว่า ไม่มีการแจ้งวาระการประชุมล่วงหน้า ซึ่งไม่มีพรรคการเมืองใดทำแบบนี้ ผมหวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะโดนด่า ผมจึงขอแถลงให้ชัดเจนว่าในเมื่อทางพรรค ระบุว่ามีการประชุมกรรมการบริหารพรรค และประกาศท่าทีแบบนี้ อีกทั้งรัฐธรรมนูญก็ระบุว่า ส.ส.ไม่จำเป็น ต้องทำตามมติพรรค เพราะฉะนั้นผมขอยึดมั่นเอาคำพูดที่ได้หาเสียงในช่วงของการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ว่าจะอยู่กับพรรคร่วมฝ่ายค้าน แม้ผมจะเป็นคนเดียวในพรรคเศรษฐกิจใหม่ ก็จะยืนอยู่ รวมทั้งในเมื่ออุดมการณ์ไปด้วยกันไม่ได้ ผมขอประกาศว่าจะไม่ร่วมอุดมการณ์แบบนี้กับพรรคต่อไป และขอแยกทางกับพรรคเศรษฐกิจใหม่แบบเด็ดขาด เพราะผมจะขอยึดมั่นคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนที่เลือกเข้ามาจำนวนเกือบๆครึ่งล้านเสียง หากทางพรรคฯ จะทำอะไรก็ตาม ผมก็ไม่ขอไปเกี่ยวข้องด้วย ส่วนประเด็นที่มีประชาชนเรียกร้องให้ผมลาออกจากพรรคเศรษฐกิจใหม่นั้น ผมเห็นว่าเนื่องจากรัฐธรรมนูญคุ้มครองการตัดสินใจของ ส.ส. โดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามมติพรรค แต่ถ้าผมลาออกแล้ว คนที่เลือกผมมาจะคิดอย่างไร เพราะผมสามารถที่จะทำหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบรัฐบาลได้ ดังนั้นผมจะขอใช้สิทธิ์ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในคราวนี้ ผมขอเวลาต่อผู้นำฝ่ายค้านว่าจะขอใช้เวลาอภิปราย 2 ช่วงเวลา รวม 4 ชั่วโมง เพราะประเทศไทยมีเรื่องที่จะต้องอภิปรายมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้เวลาอภิปรายขนาดนั้นหรือไม่ ถ้าลาออกวันนี้ผมก็ไม่มีสิทธิอภิปรายไม่ไว้วางใจ และ คนจำนวนครึ่งล้านเลือกเข้ามา ถ้าผมลาออกคนครึ่งล้านจะคิดอย่างไรกับผม และผมไม่ได้ยึดติดกับการเป็นรัฐบาล เรื่องลาออก ถ้าพูดตรงๆก็ไม่ได้ยึดติด แต่ถ้าได้ทำประโยชน์กับประชาชน จะให้ทำต่อหรือไม่ หรือถ้าอยากให้ผมออกก็ให้พรรคเศรษฐกิจใหม่ขับผมออกได้ แล้วคงไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่นๆที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน ผมได้ทำอะไรของผมในระดับหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ขับออกก็อยู่กันไปอย่างนี้ตามจุดยืนของผม การลาออกง่ายนิดเดียว แค่เขียนเอกสารก็ลาออกได้แล้ว แต่ผมจะไม่ปฏิบัติตามมติของพรรคที่ไมได้รักษาคำพูดที่ให้ไว้ สิ้นสุดอายุสภานี้วันไหน ผมไปอยู่ที่อื่น”
นักข่าวถามคิดอย่างไรในเมื่อคะแนนของพรรคเศรษฐกิจใหม่มาจากการหาเสียงของนายมิ่งขวัญแต่กลับถูกลอยแพ นายมิ่งขวัญ ตอบ
“ ภาษากายที่ออกมา มันกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ถ้าพรรคเศรษฐกิจใหม่มาแถลงชี้แจงและมีข้อมูลไม่ถูกต้อง ส่วนตัวจะไม่ทนนิ่งอีกต่อไป แต่จะขอโต้ตอบด้วยข้อเท็จจริง ผมก็สงสัยว่าอะไรที่ทำให้คนเราเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ผมก็ไม่รู้เขาเหมือนกันครับ ถ้าเขามาแถลงข่าวก็รบกวนสื่อมวลชนถามให้ชัดๆด้วย”
ข่าวของ BBC Thai
matemnews.com
3 กุมภาพันธ์ 2563