นายพัฒนะ ศิริมัย ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ราชบุรี แถลงข่าวผลการตรวจสอบพื้นที่ของ “นายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในท้องที่หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ทั้งหมดว่า
ในจำนวน 7 แปลง มีพื้นที่ที่กรมป่าไม้ดูแลรับผิดชอบอยู่จำนวน 375 ไร่เศษ ซึ่งคงต้องเก็บข้อมูลรายละเอียดส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะขนาดสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่ตรวจพบในพื้นที่ หลังจากนั้นจะให้ประกอบการร้องทุกข์กล่าวโทษในนามต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เร็วๆ นี้ หลังจากที่เมื่อวานได้มีการตรวจสอบพื้นที่โดยการนำชี้ของผู้ร้องทุกข์ มีการตรวจสอบพื้นที่ จำนวน 7 แปลง เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 1 แปลง เป็นพื้นที่ในเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 4 แปลง มีเนื้อที่ประมาณ 375 ไร่เศษ และตรวจพบว่ามีการครอบครองที่ดินในพื้นที่เขต ส.ป.ก. อีก 2 แปลง โดยประมาณ 600 ไร่เศษ เนื่องจากเมื่อวานนี้ ทางเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่หลักไม่ได้มาร่วมตรวจสอบด้วย ทางพนักงานสอบสวนคงต้องประสานงานกับปฏิรูปที่ดิน เพื่อจัดทำรายละเอียดข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง ในส่วนพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตป่าไม้ถาวร อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้โดยตรง จะเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้ครอบครอง เป็นลักษณะคดีเดียวกันกับ นายวีระ สมความคิด ที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้แล้ว แต่นายวีระ ได้ร้องทุกข์ในภาพรวมพื้นที่ดินของรัฐทุกประเภท แต่ส่วนของป่าไม้จะร้องทุกข์กล่าวโทษเฉพาะส่วนที่รับผิดชอบ หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนจะเอาไปรวมคดีหรือดำเนินการตามกฎหมายต่อไปอย่างไร รวมพื้นที่ทั้งหมด 1,039 ไร่เศษ เป็นการบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐ ส่วนเรื่องบอกว่ามีการเสียภาษีนั้น ผมยังไม่เห็นเรื่องว่ามีการเสียภาษีในนามของผู้ใด จากการได้พูดคุยกับ อบต. หน่วยงานที่รัฐเสียภาษีบอกว่า ไม่สามารถยืนยันได้ว่าแปลงที่มาชำระภาษีมีตำแหน่งที่ตั้งอยู่บริเวณใด สำหรับเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 17 ไร่ และเขตป่าไม้ถาวร จำนวน 375 ไร่เศษ ข้อหาที่จะเตรียมแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในเขตป่าสงวนแห่งชาติคือ “บุกรุกครอบครองทำประโยชน์ในที่ป่า” ส่วนของแปลงที่อยู่เขตป่าไม้ถาวรจำนวน 4 แปลง จะเป็นการแจ้งความตามมาตรา 54 ตาม “พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484” ในการตรวจสอบพื้นที่ของนายทวี ไกรคุปต์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีหนังสือแจ้งไปแล้ว 2 ครั้ง เพื่อให้มานำชี้แนวเขต แต่นายทวี อาจจะไม่สะดวกที่จะมานำชี้ จึงได้ให้ฝ่ายปกครองท้องที่ หรือผู้ใหญ่บ้านนำชี้ มีความชัดเจนพอสมควร ซึ่งได้ทำไปตามหน้าที่ ตามข้อกฎหมาย”
matemnews.com
7 กุมภาพันธ์ 2563