เป็นข้าราชการอะไรก็ดี – กัก COVID 14 วันไม่ถือเป็นวันลา – แล้วก็งงตรงคำว่า “ประมาทเลินเล่อ”
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าว 29 ก.พ.25863 ว่า เนื่องจากปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาราชการ พ.ศ. 2555 ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันอาจมีข้าราชการที่ต้องลาหยุดราชการเพื่อเฝ้าระวังและดูอาการหลังกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงหรือเป็นผู้ใกล้ชิดผู้มีอาการป่วยดังกล่าว ตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข จึงได้มีหนังสือซักซ้อมความเข้าใจแนวทางปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ.2555 ที่มีอยู่แล้ว หากมีข้าราชการที่อาจต้องเข้าสู่มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้ว จะไม่นับเป็นวันลาตามจำนวนวันที่ไม่มาปฏิบัติราชการได้ ขณะนี้ส่วนราชการทุกกระทรวงและหน่วยงานเทียบเท่า รัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชน ได้ให้ความสำคัญต่อการเฝ้าระวังและป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ตามข้อสั่งการของท่านนายกรัฐมนตรี โดยได้มีการออกมาตรการต่างๆมาเป็นแนวทางปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ในสังกัด เช่น การงดหรือเลี่ยงการเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง การปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข การสวมหน้ากากอนามัย การจัดเจลล้างมือภายในบริเวณอาคารสำนักงานและห้องประชุม การทำความสะอาดสำนักงานและพื้นที่ที่มีประชาชนมาใช้ส่วนรวมอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น
สำหรับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไปยังหน่วยงานในสังกัด ได้แก่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กรมประชาสัมพันธ์ (กปส.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดแล้วเช่นกัน
ตามหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการลาของข้าราชการ กรณีปฏิบัติตามการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)ในประเทศไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโรคดังกล่าว โดยการตรวจคัดกรองผู้เดินทางกลับจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐสิงคโปร์ มาเลเชีย เป็นต้น ซึ่งเป็นการเฝ้าระวังผู้ป่วยรายใหม่ไม่ให้เชื้อโรคแพร่ระบาดโดยทางตรงหรือทางอ้อมไปยังผู้อื่นได้ และในการตรวจคัดกรองอาจมีการแยกกักหรือกักกันผู้เดินทางกลับจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อดังกล่าวจนกว่าจะพ้นระยะติดต่อของโรค ประกอบกับคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นเพื่อเป็นการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดขอโรคติดเชื้อไววัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของราชการ พ.ศ.2555 กำหนดกรณีข้าราชการที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือข้าราชการผู้ซึ่งสัมผัสโรคหรือผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยดังกล่าวไม่ว่าจะได้เข้ารับการตรวจคัดกรองและเฝ้าระวังเชื้อโรคดังกล่าว ที่โรงพยาบาลหรือไม่ก็ตาม หากปรากฏผลการตรวจคัดกรองยืนยันว่า มีภาวะเสี่ยงหรือติดเชื้อโรคหรือถูกแยกกักหรือกักกันตัว หรือปฏิบัติตามมาตรการที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กำหนด จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการ ณ สถานที่ตั้งตามปกติ ให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ.2555 ข้อ 15 โดยให้ข้าราชการดังกล่าวรีบรายงานพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งอุปสรรคขัดขวางที่ทำให้ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการได้ต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรง หรือหัวหน้าส่วนราชการทันที โดยให้ถือว่าข้าราชการดังกล่าวไม่สามารถมาปฏิบัติราชการอันเนื่องมาจากพฤติการณ์พิเศษ และให้ผู้บังคับบัญชาสั่งให้การหยุดราชการของข้าราชการผู้นั้น
ไม่นับเป็นวันลาตามจำนวนวันที่ไม่มาปฏิบัติราชการได้
หากพฤติการณ์ซึ่งเป็นเหตุแห่งการไม่สามารถมาปฏิบัติราชการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อ หรือความผิดของข้าราชการผู้นั้นเอง ให้ถือว่าวันที่ข้าราชการผู้นั้นไม่มาปฏิบัติราชการเป็นวันลากิจส่วนตัว จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และแจ้งส่วนราชการในสังกัดทราบด้วย
matemnews.com
29 กุมภาพันธ์ 2563