พร้อมกับภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อช่วงเวลา 09.30 น.ของวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา สามารถจับภาพชายวัยรุ่น ปีนบ้านที่อยู่หลังบ้านเกิดเหตุซึ่งไม่มีคนอยู่อาศัย ข้ามมายังบ้านที่อยู่ด้านข้างของบ้านเกิดเหตุจังหวะนั้นนางสาวปวิตรา เจ้าของบ้านอุ้มลูกน้อยวัย 9 เดือน ออกมายังหลังบ้านเมื่อคนร้ายเห็นจึงปีนกำแพงข้างบ้านข้ามมายังบ้านนางสาวปวิตราทันที นางสาวปวิตราจึงอุ้มลูกวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต คนร้ายก็พยายามวิ่งตามไปอีกมุมของบ้าน ซึ่งมีประตูปิดอยู่ คนร้ายจึงพยายามเปิดประตู แต่เปิดไม่ออก จากนั้นวิ่งตามนางสาวปวิตราต่อไปอีกบริเวณหน้าบ้าน โชคดีขณะนั้นมีคนวิ่งเข้ามาช่วยเหลือจับตัวคนร้ายไว้ได้ทัน
แต่วันเกิดเหตุ รปภ.ก็บอกว่าเห็นท่าทีคนร้ายไม่ปกติ ไม่น่าไว้ใจแต่ก็ให้เข้ามาเพราะเห็นเป็นคนงานที่ทำงานกับหมู่บ้านมานาน 4-5 ปี จากนั้นก็เข้ามาก่อเหตุตามที่เห็นจากภาพวงจรปิด โชคดีที่วันเกิดเหตุลูกเล็กวัย 5 ขวบ กับ 9 ขวบ ออกไปซื้อของกับสามี ไม่เช่นนั้นปกติเด็ก ๆ ก็จะมาวิ่งเล่นบริเวณรอบ ๆ บ้าน จึงไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคนร้ายเจอเด็ก ๆ จะเกิดอะไรขึ้น ลูกอาจต้องบาดเจ็บ หรือตนอาจจะไม่ได้เจอลูก ๆ อีกเลย
ทุกวันนี้ตนอยู่บ้านด้วยความหวาดระแวง ได้ยินเสียงอะไรก็พาหลอนไปหมด ไม่สามารถเปิดประตูบ้าน เปิดม่านได้เลย เพราะยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดอยู่เสมอว่าจะซื้อบ้านราคาหลัก 10 ล้าน เพราะต้องการความปลอดภัย ซื้อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ในวันนี้กลับทำให้รู้สึกว่าคิดผิดมากที่ยอมจ่ายเงินขนาดนี้ และยังต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ร้ายแรง โดยที่ทางเจ้าของโครงการก็ยังไม่ออกมาขอโทษ หรือแม้แต่มีมาตรการชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หรือระบบความปลอดภัยต่อจากนี้ ตนจึงอยากฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนว่า แม้แต่อยู่ในบ้านตนเองก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ให้ล็อคประตูบ้าน ให้แน่นหนา เพราะเหตุร้ายอาจเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งครั้งนี้ตนโชคดีที่รอดมาได้แบบหวุดหวิด