เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับอายุของเราที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ปีนี้อาจจะเป็นปีที่หลายท่านอายเปลี่ยนจากหลัก 3 เข้าสู่หลัก 4 หรือถ้ามองอีกแง่บางคนก็อาจจะบอกว่าเดินทางล่วงเข้าสู่ครึ่งหนึ่งของชีวิตแล้ว และเป็นวัยที่หลายคนอาจจะกำลังเกิดคำถามกับตัวเองว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อดี และอาจทำให้เกิดความกลัวในการใช้ชีวิตได้หลายด้าน เช่น ด้านสุขภาพกาย ด้านการงาน ด้านครอบครัว เป็นต้น
.
ใน #วัยกลางคน ความสนใจจะเปลี่ยนแปลงไปจากการเตรียมสำหรับชีวิตส่วนตัว (การแต่งงาน การทำงาน) ไปสนใจเกี่ยวกับสังคม หรือกลุ่มสังคม คนวัยนี้มีความเชื่อมั่นอย่างสมบูรณ์ทั้งในตนเอง และหน้าที่ของตนต่อสังคม ต้องการกระทำตนให้สมวัย มีความเข้าใจเกี่ยวกับเด็กและผู้สูงอายุถึงแม้ผู้ใหญ่ส่วนมากจะปรับตัวได้อย่างดีกับปัญหาชีวิต แต่จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลทางจิตเวชก็จะมีอายุเฉลี่ยสูงสุดคือ 35 ถึง 45 ปี หลายๆคนล้มเหลวไม่สามารถประสบความพอใจจากชีวิตครอบครัว ชีวิตการงานได้ ส่วนหนึ่งของปัญหาการปรับตัวนี้มาจากการเปลี่ยนแปลงของครอบครัว เช่น ลูกโตและเริ่มแยกออกไป สับสนตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่ดีจริงหรือไม่ กลัวว่าถ้าทุกอย่างไม่เป็นเหมือนเดิมจะต้องทำอย่างไร หรือกำลังจะต้องออกจากงาน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัยที่ต้องเตรียมพร้อมให้ดี
.
ตัวอย่างความกลัวที่เกิดขึ้นในวัย 40 เช่น…
#ด้านสุขภาพ ทั้งระบบภายใน และรูปร่างที่เปลี่ยนไป อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจ หรืออาจนำไปสู่โรคภัยต่างๆ ทั้ง โรค จากทั้งกรรมพันธุ์และสารพัดสารเคมีที่เราเก็บสะสมไว้ตลอดชีวิต ก็สามัคคีกันมาสำแดงฤทธิ์ในช่วงนี้เอง โดยเฉพาะมะเร็งโรคยอดฮิตอันดับหนึ่ง แค่พูดคำว่ามะเร็งก็พานทำให้หลายคนขยาดไปตามๆ กัน เลยต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังขึ้นไปอีกสเต็ป ทั้งเรื่องอาหารการกิน และที่สำคัญความเครียด ที่ต้องดูแลอย่างเข้มงวดสุดๆ
.
#ด้านการงาน เป็นช่วงอายุที่หน้าที่การเงิน ความรับผิดชอบต่างๆเริ่มมั่นคง และมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จยิ่งๆขึ้นไป แต่บางคนอาจจะหยุดคิดพิจารณาตัวเองว่า มาถูกทางแล้วหรือไม่ อยู๋ในจุดที่พอใจแล้วหรือยัง ถ้าไม่พอใจแล้วต้องเปลี่ยนแปลงจะกระทบกับตัวเองและครอบครัวอย่างไร ทำให้ปัญหาต่างๆมักจะเกิดขึ้นในช่วงระยะนี้
.
#ด้านครอบครัว บทบาทการเป็นพ่อแม่ก็นับเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอย่างมาก และอาจทำให้เกิดความสับสนได้เหมือนกับการทำงาน ว่าทำได้ดีพอแล้วหรือยัง มีจุดไหนที่ต้องปรับบ้าง บริหารเวลาเพื่อครอบครัวได้ดีไหม หรือว่ามัวแต่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้ตัวเอง ให้ครอบครัว ดังนั้นการใช้เลากับครอบครัวก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่อาจสร้างความกังวลให้กับคนวัย 40 ได้
.
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความกังวลที่เกิดขึ้น ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ แต่ในสภาพปัจจุบัน ทั้งที่มนุษย์มีความสะดวกสบายในทางด้านวัตถุแต่สุขภาพจิตทั่วไปกลับแย่ลง สาเหตุของความหวาดกังวลส่วนใหญ่ คือ เรื่องของความอ้างว้าง ความทอดอาลัย เห็นว่าชีวิตไร้ความหมาย ความกลุ้มใจเรื่องเพศ และความเคืองแค้นทั้งในตนเองและผู้อื่น ไม่ไว้ใจว่าจะมีคนหวังดีปรารถนาดีต่อตน ความไว้ใจ (trust) หรือไม่ไว้ใจ (mistrust) นี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเป็นทารก ถ้าเราคิดว่าตนมีค่า เป็นที่รักของคนอื่น เราก็จะไว้วางใจว่าคนอื่นจะมีความรักและหวังดี มีความใยดีต่อเรา ถ้าขาดความรู้สึกเช่นนี้มาตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อมาถึงวัยหนุ่มสาวก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะสร้างความนับถือตนเองขึ้นมา ฝึกฝนตนเอง สร้างเจตคติที่จะมองผู้อื่นในแง่ดี มีความไว้วางใจคนอื่นขึ้นมาบ้าง
.
วิธีสร้างความนับถือตนเองนั้น อาจทำได้ดังนี้
.
1. ตระหนักในความจริงที่ว่า ไม่มีใครจะเพียบพร้อมสมบูรณ์ทุกประการ ดังนั้นเราก็ควรจะหยุดมองหาความสมบูรณ์ในตัวเองเสีย คนดีชนิดที่หาที่ติไม่ได้นั้นอาจมีอยู่ในหนังสือ แต่หาไม่ได้ในชีวิตจริง
.
2. ยุติการเปรียบเทียบตัวเรากับผู้อื่น เพราะไม่ว่าจะมองด้านใดก็มักจะพบความดีกว่าเราในด้านนั้นเสมอ การมองหาว่าเราเองมีอะไรที่ดีบ้าง แล้วมุ่งผดุงความดีนั้นให้ยิ่งๆขึ้นเป็นพอ
.
3. อย่าถือเอาคำตัดสินหรือความคิดเห็นของคนอื่นเป็นเครื่องชี้ขาดสูงสุดเกี่ยวกับตัวเอง ถ้าฟังแต่คนอื่นตลอดเวลาก็ขาดความเป็นตัวของตัวเอง และความคิดเห็นนั้นเป็นธรรมดาที่ต้องมีทั้งด้านบวกและด้านลบ จึงควรรับฟังเพื่อเป็นข้อสังเกตตัวเอง และดำเนินชีวิตไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตั้งเอาไว้ด้วยตัวของตัวเอง
.
4. กล้าลองกล้าเสี่ยง เมื่อได้คิดใคร่ครวญดูแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไรแม้จะต้องเสี่ยงบ้างก็ควรลอง เพราะการลองเป็นการรับความผิดชอบอย่างหนึ่ง ถ้าประสบความสำเร็จก็ได้รับความภูมิใจ ถ้าล้มเหลวก็ได้บทเรียน ทั้งนี้จะเกิดความมั่นใจและนับถือตนเองได้
.
5. พิจารณาตนเองเรื่อยๆไป อย่าด่วนสรุปว่าเราเป็นคนฉลาด หรือขี้ขลาด หรือคนดี หรือคนไม่เอาไหน ควรดูว่าเรามีลักษณะเฉพาะตนอย่างไร และจะใช้ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร
.
และเพราะการใช้ชีวิตในทุกวันนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยงต่างๆ การมีชีวิตที่ยืนยาวจึงควรต้องวางแผนให้รัดกุมทั้งเรื่องของอนาคต การดูแลพ่อแม่ การดูแลครอบครัว รวมทั้งภาระหนี้สินต่างๆ การมีประกันมาช่วยดูแลในส่วนนี้ย่อมเซฟกว่าแน่นอน มันคงจะดีถ้าเราสามารถซื้อประกันหลักพันแต่ให้ความคุ้มครองหลักล้านเพื่อใช้ชีวิตโดยไม่มีภาระหนักเกินไป
.
หากสนใจการสร้างหลักประกันในชีวิตเพิ่มเติม สามารถติดต่อ TIPlife ได้เลยนะครับ
.