เป็นที่ฮือฮาอย่างมากเมื่อสี่แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ ASV (เอเอสวี), ISSUE(อิชชู่), MILIN(มิลิน) และ PATINYA (ปฏิญญา) นำโดย หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา, โรจน์-ภูวภนิศ กฤตพลนารา, มิลิน ยุวจรัสกุล และปฏิญญา เกี่ยวข้องร่วมแสดงแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่น Spring / Summer 2018 ที่นำเอาความงดงามของผ้าไทยมาผสมผสานในการออกแบบและตัดเย็บไปร่วมอวดโฉมในงาน New Shades of Thailand Los Angeles Fashion Week 2017 ที่จัดขึ้นโดยกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลอสแอนเจลิส และทีมประเทศไทย ลอสแอนเจลิส ณ Alexandria Ballrooms นครลอสแอนเจลิส ภายใต้งาน LAFW (Los Angeles Fashion Week) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของไทยที่ได้ร่วมแสดงแฟชั่นโชว์ในงานนี้
โชว์แรกเริ่มจากแบรนด์ PATINYA กับคอลเลกชั่น “PRIVÉ” Spring/Summer 2018 ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสน่ห์ของชิ้นงานชุดไทยสมัยนิยมต่างๆในอดีต นำมาประยุกต์ให้ดูร่วมสมัยและสวมใส่ได้จริง มีการดึงเอาเสน่ห์ของลวดลายไทยในวัดวาอาราม มาทอเป็นผืนผ้าลูกไม้สอดแทรกเป็นดีเทลต่างๆอยู่บนเนื้อผ้าอย่างละเอียดลออ ไฮไลท์อยู่ที่การนำวัฒนธรรมตะวันตกกับวัฒนธรรมตะวันออกมาผสมผสานกันและถ่ายทอดลงบนเสื้อผ้าให้ดูสวยงามร่วมสมัย พร้อมการตัดเย็บและดีเทลการปักต่างๆด้วยมือของช่างฝีมือชาวไทยเพื่อเนรมิตให้กลายเป็นเสื้อผ้าชั้นสูง โดยมีผ้าไหมไทยเป็นส่วนประกอบบนซิลลูเอทสากลนิยม ซึ่งทั้งหมดนี้ยังคงแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิกผสานความเรียบโก้และเฟมินีน มีดีเทลและโครงเสื้อผ้าในสไตล์มินิมัล แต่ยังแฝงลูกเล่นความเซ็กซี่แบบมีระดับ โดยเน้นการตัดเย็บที่ประณีตอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์
ต่อมาในโชว์ที่สองกับแบรนด์ Milin ในครั้งนี้มิลินมาพร้อมกับเรื่องราวของสาวออฟฟิศใจกลางเมืองหลวงที่ต้องการจะชนะและครอบครองใจ Prince charming boss เจ้านายที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างซึ่งเป็นที่หมายตาของพนักงานทุกคน การแข่งขันในวงการสาวออฟฟิศจึงเกิดขึ้น เมื่อทุกคนต้องมาประชันความโดดเด่นของตัวเองและ dress to impress เพื่อเป็นที่หนึ่งครองใจ super boss ของสาว “Milin Limited” โดยคอลเลกชั่น “Milin Limited” สำหรับฤดูร้อน 2018 นี้มีการนำชิ้นผ้า tailor-made ในแบบแมสคูลินมาปรับใช้ให้เป็นคัตติ้งในแบบเฟมินิน สร้างความแกลมในสไตล์ของมิลิน ความใหม่ของวัสดุที่นำมาใช้ทำให้การออกแบบมีเสน่ห์มากขึ้น ด้วยการระดมความหลากหลายในเทคนิคและเนื้อผ้า เพื่อให้ทุกมุมมองของตัวชุดน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โครงเสื้อทั้งหมดอยู่ในระดับความสั้นยาวที่หลากหลาย เช่นเดียวกับเทคนิคที่สำคัญ โดยนำเสนองาน digital print พิมพ์ลายสัตว์แบบ Exotic บนผ้าซาตินลายงู python บวกกับลายจุด polka dots และผ้าลูกไม้ ตัดต่อขนนกกระจอกเทศ ผ้าทอลายจระเข้ เผยให้เห็นความลึกลับน่าค้นหาที่ซ่อนอยู่ภายในของสาวมิลิน ชุดตัดต่อด้วยสร้อยโลหะประดับเพชรทำให้เกิดมิติแบบใหม่ๆ ริบบิ้นเลื่อมตัดต่อให้ชิ้นผ้ามีวอลลุ่มมากยิ่งขึ้น ชุดเลื่อมเปิดหลังในแบบ outerwear ได้กลายเป็นชิ้นงานที่น่าหลงใหล สวยงามอย่างสร้างสรรค์
โชว์ที่สามกับแบรนด์ ASV ที่เลือกใช้ผ้าไหมไทยของ จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) มาเป็นคีย์หลัก แต่นำมาดัดแปลงแต่งแต้มผ่านมุมมองใหม่ออกมาเป็น ผ้าไหมลายทาง (stripe silk) และผ้าไหมลายทางหลากสี (multicolor-stripe color) เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและสไตล์ที่แปลกใหม่ ให้กับคอลเลกชั่น Lax Spring/Summer 2018 คอลเลกชั่นที่นำเสนอเรื่องราวการท่องเที่ยวในฤดูร้อนผ่านสายตาของผู้หญิงผู้ซึ่งขับเคลื่อนวิถีชีวิตของเธอด้วยค่านิยมและบุคลิกที่ทันสมัยในสไตล์สาวสังคม ซึ่งความมั่นใจและความชัดเจนในตัวตนของเธอเปล่งประกายชัดเจนราวกับแสงอาทิตย์ในยามฤดูร้อน ภาพบรรยากาศริมชายหาดในช่วงซัมเมอร์ ที่เต็มไปด้วยความเจิดจ้าและความสดใสของแสงอาทิตย์ ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยแอคทิวิตี้หลากหลาย ถูกหยิบยกขึ้นมาผสมผสานกับความเป็นสาวสังคมในสไตล์ ASV ที่มีแอทติจูดและบุคลิกเฉพาะตน ความสดใส ความสง่างามและจิตวิญญาณของฤดูร้อนที่แสดงออกผ่านสายตาของหญิงสาวที่มีมุมมองร่วมสมัย ถูกนำมาสะท้อนผ่านเป็นโครงสร้างชุดที่เหมาะกับฤดูร้อน อย่าง เสื้อไหล่เดียว (one-shoulder) และในคอลเลคชั่นนี้ยังมีการนำเอารายละเอียด บางส่วนจากซิลลูเอทแบบสปอร์ตแวร์ (sportswear) เช่น ลายทางจาก skateboard socks และชุดสำหรับใส่เดินชายหาด (beachwear) มาผสมผสานออกมาเป็นคอลเลคชั่นประจำฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนที่มีความสนุกสนานแปลกใหม่ และสามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน
ปิดท้ายด้วยแบรนด์ ISSUE ที่ครั้งนี้ยังคงเดินทางหาแรงบันดาลใจผ่านเส้นทางสายไหม โดยมีเรื่องราวการล่องเรือจากน่านน้ำเอเชียตะวันออกสู่ทวีปตะวันตก จนเกิดการผสมผสานวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ระหว่าง 2 ทวีป สะท้อนผ่านลวดลาย สีสัน และโครงเสื้อ สำหรับซีซั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2018 ผ่านคอลเลกชั่น “THE INVISIBLE” ISSUE ได้เน้นการใช้ผ้าจากใยธรรมชาติ และการใช้เส้นไหม ในการตกแต่งการตัดเย็บที่ผสมผสานกับการสร้างลวดลายที่มีสีสันกลิ่นอายของยุค 70s โดยมีสไตล์เสื้อผ้าแบบโรแมนติก และโบฮีเมียนที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของแบรนด์ Issue ผสมผสานกับการเลือกสรรผ้าที่ใส่สบาย พร้อมการออกแบบลายพิมพ์ผ้าที่สะท้อนตัวตนของคนรุ่นใหม่ โดยมีเฉดสีผสมผสานระหว่างสีแดงแตงโม, สีเขียวหยก และสีเหลืองอมน้ำตาล (ขิงแห้ง) ทำให้คอลเลกชั่น SS 2018 นี้สมบูรณ์และมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
ต้องขอปรบมือรัวๆให้กับทั้งสี่แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชั้นนำที่เป็นตัวแทนคนไทยนำเอาความงดงามของผ้าไทยไปอวดโฉมสู่สายตาคนทั่วโลก ทำให้เป็นที่ประจักษ์ว่าผ้าไทยและวงการแฟชั่นไทยก็งดงาม ทันสมัยไม่แพ้ชาติใดในโลก