หญิงชาวจีนเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เมื่อดูเหมือนว่า ทารกในครรภ์ของเธอจะเตะจนขาทะลุมดลูกของเธอออกมา ซึ่งแพทย์ชาวอเมริกันได้ออกมาชี้แจงกรณีนี้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ตามรายงานของสำนักข่าว New York Post หญิงชาวจีนคนหนึ่งซึ่งทราบเพียงนามสกุลว่า จาง กำลังตั้งครรภ์นาน 35 สัปดาห์ ถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ปักกิ่ง เซินเจิ้น เนื่องจากมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เมื่อแพทย์ทำการอัลตราซาวด์ก็พบว่า มดลูกของหญิงรายนี้ฉีกขาด และขาของทารกหลุดออกมาในช่องท้อง ขณะที่ต้นขาติดอยู่กับผนังมดลูก
แพทย์จึงรีบลงมือผ่าทำทำคลอดเด็กคนนี้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ซึ่งในระหว่างผ่าตัดแพทย์พบว่ามดลูกของผู้เป็นแม่ฉีกขาดยาวถึง 7 เซนติเมตร อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แม่และเด็กปลอดภัยแล้ว
ทั้งนี้ กรณีมดลูกฉีกขาดนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นเพียง 0.07% เท่านั้น และมักจะเกิดกับผู้หญิงที่เคยผ่าคลอดมาก่อน และการฉีกขาดจะเกิดบริเวณแผลเป็นรอยผ่า แต่ในกรณีของนางจาง เธอเคยผ่าตัดเนื้องอกมดลูก (fibroid) มาก่อน ซึ่งอาจทิ้งแผลเป็นเอาไว้ได้เช่นกัน เพิ่มความเสี่ยงที่มดลูกจะฉีกขาด และเมื่อเกิดภาวะมดลูกฉีกขาด แพทย์จะมีเวลาเพียง 10-40 นาทีในการทำคลอด มิเช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อทั้งแม่และเด็ก
แต่ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นคือ ทารกในครรภ์ถีบมดลูกจนทะลุจริงหรือ? ดร.ไมเคิล แคกโควิช สูตินรีแพทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายโรคหัวใจในสตรีมีครรภ์ ในโครงการฝากครรภ์ ของศูนย์การแพทย์ ‘เวกซ์เนอร์’ มหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอ เชื่อว่า มดลูกน่าจะฉีกขาดเอง ก่อนที่เท้าของเด็กจะทะลุออกไปในภายหลัง “หากสตรีมีจุดอ่อนในมดลูก เช่น รอยแผลผ่าตัด พื้นที่ส่วนนั้นจะบางลงเมื่อมดลูกใหญ่ขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ และสำหรับผู้หญิงบางคนที่ผ่าคลอดบ่อย มดลูกจะบางจนสามารถมองทะลุเห็นทารกได้เลยทีเดียว”
อย่างไรก็ตาม ดร.แคกโควิช ระบุด้วยว่า การเตะของทารกในครรภ์ก็อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้มดลูกฉีกขาด “มีความเป็นไปได้ที่การเตะ สามารถเป็นแรงกระตุ้นสุดท้ายทำให้ผิวส่วนนั้นทะลุ”
ที่มา: livescience , ไทยรัฐ