นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2561 ถึงกรณีที่ “ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย” ประกาศผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย ที่พบว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นสูงขึ้น และคาดการณ์ว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในปี 2561 จะรุนแรงขึ้น ว่า
“รัฐบาลได้เห็นและรับทราบผลสำรวจดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยินดีรับฟัง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดหนึ่ง จากนั้น หน่วยงานใดที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องไปเร่งปรับปรุงและพิจารณาว่าปัญหาอยู่ที่ตรงจุดไหน เรื่องนี้จะมีผลต่อการประเมินประเทศไทยโดยองค์กรตรวจสอบความโปร่งใสนานาชาติ เพราะเป็นตัวชี้วัดคนละตัว องค์กรนั้นก็ทำของเขาไป”
ผู้สื่อข่าวถามว่า สะท้อนว่ากลไกของรัฐบาลที่พยายามแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่สามารถทำงานได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า
“มันสะท้อนทัศนะของคนจำนวนหนึ่ง รัฐบาลมั่นใจว่าได้แก้ปัญหานี้ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เอาจริงเอาจัง และทำหลายเรื่องทั้งมาตรการทางกฎหมาย มาตรการในทางที่ทำกับตัวบุคคล แต่อาจมีบางจุดที่คนในสังคมยังสงสัยหรือข้อสังเกต ซึ่งต้องทำไปตามกระบวนการที่ยังดำเนินการไม่สิ้นสุด ยกตัวอย่างกรณีล่าเสือดำในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เป็นเรื่องที่ผมและสังคมติดตามอยู่เช่นกัน แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ต้องอยู่ว่ากระบวนการที่เกี่ยวข้องจะจบลงอย่างไร เพราะเรื่องนี้เข้าสู่คดีแล้วซึ่งนำไปสู่การมีโทษ ต่างจากการทุจริตที่มีหลายเรื่องเป็นการกล่าวหาเลื่อนลอยและทำให้เกิดความรู้สึก ดังนั้น เราจะเอาสิ่งที่เป็นคดีแล้วไปปะปนกับเรื่องทุจริตที่เป็นการกล่าวหา คงไม่ได้ ซึ่งผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ทำออกมานี้ดูจะเป็นเรื่องเพอร์เซพชั่นที่อาจชัด เพราะเขาไปสำรวจจากสำนักงานทนายความ นักลงทุน ผู้ประกอบการที่เคยจ่ายเงินใต้โต๊ะ-บนโต๊ะ”
matemnews.com 15 กุมภาพันธ์ 2561