ทุกข์ทรมานมานานสำหรับ ติ๋ม – พันธุ์ทิภา ศกุลไชย หรือเจ้าแม่ทีวีพูล หลังจากทุบกระปุกประมูลช่องดิจิทัล จนขาดทุนย่อยยับกระทบถึงธุรกิจหนังสือที่โดนผลกระทบไปด้วยปลดพนักงานออกเป็นร้อย งดจ้างดาราขึ้นปกเพื่อประหยัดงบประมาณ
ล่าสุดศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาในคดีที่นางพันธุ์ทิพา ศกุนต์ไชย กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทไทยทีวี จำกัด หรือเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้การประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลของบริษัทไทยทีวี เป็นโมฆะทั้งหมด โดยศาลปกครองกลาง พิพากษาว่า กสทช ทำผิดสัญญาจริง ซึ่งศาลให้ กสทช.คืนแบงค์การันตีให้บริษัทไทยทีวีในงวดที่สาม สี่ ห้าและหก มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้าน ส่วน 700 ล้านที่ทางติ๋ม ทีวีพูลเรียกค่าเสียหายนั้นทางศาลเห็นว่าไม่ต้องชดใช้เพราะภาวะขาดทุนนั้นเกิดจากการดำเนินงานทางธุรกิจตามปกติ
ด้านติ๋ม ทีวีพูล เปิดใจว่า พอใจกับคำตัดสินของศาลที่ทำให้คนทั้งประเทศฯเห็นว่า กสทช กระทำผิดจริงส่วนที่เจ้าตัวเรียกค่าเสียหายไป 700 ล้านแต่ศาลไม่ได้ให้ชดเชยตามที่ขอ จึงจะขอยื่นอุทธรณ์เพิ่มเติมในส่วนนี้ เพราะมั่นใจว่า กสชท ทำผิดสัญญาจนทำให้เกิดความเสียหายจริง อีกทั้งยังพูดทิ้งท้ายไว้อีกว่า
“เชื่อว่าเราไม่ใช่คนที่ไม่เก่ง ไม่ใช่คนที่อ่อนแอ หรือไม่มีสายป่าน ขาดทุนแล้วจึงเลิก แต่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนเก่ง มีความสามารถ เพียงแต่สิ่งที่ กสทช.ทำไม่ได้เอื้อ และเป็นอุปสรรคจนทำให้เกิดความเสียหาย ประวัติการทำธุรกิจเกือบสี่สิบปีไม่เคยขาดทุนแม้แต่บาทเดียว ทำไมเราจึงจะมาโง่วันนี้ กลายเป็นคนมองธุรกิจไม่เป็น อ่อนแอ เป็นเรื่องที่กระทบภาพลักษณ์มาก การสู้วันนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่สู้เพื่อประชาชน ซึ่งตอนนี้ช่องอื่น ๆ ก็ลำบากหมด บางคนครอบครัวแตกแยก ถึงขนาดเกือบฆ่าตัวตาย ซึ่งล้วนเกิดจากการกระทำของ กสทช.ทั้งสิ้นถือว่าเป็นบาปอย่างยิ่ง และแม้ว่า กสทช.ชุดที่อนุมัตเรื่องทีวีดิจิตอลจะพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่ใครทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมนั้น” ติ๋ม ทีวีพูล กล่าว