Home ข่าวทั่วไปรอบวัน พลประยุทธ์ ไปพบประชาชนสุรินทร์

พลประยุทธ์ ไปพบประชาชนสุรินทร์

950
0
SHARE

 

คลิกชมรูป

https://goo.gl/RciQuD

https://goo.gl/eLA4Wt

https://goo.gl/tzv2SF

 

 

เว็บไซต์รัฐบาลไทยรายงาน

 

นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จ.สุรินทร์ มอบนโยบายพร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

นรม.ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จ.สุรินทร์ มอบนโยบาย-ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ขอให้ทำงานอย่างเท่าเทียมถูกต้องตามกฎหมาย เน้นพูดคุยเจรจาสม่ำเสมอกับเจ้าหน้าที่ชายแดนเพื่อนบ้าน ร่วมกันพัฒนาให้การค้าขายระหว่างประเทศดียิ่งขึ้น

 

วันนี้ (7 พฤษภาคม 2561) เวลา 09.30 น. ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกร้ฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานของจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม

 

สำหรับจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม เป็นด่านการค้าชายแดนถาวร มีการค้าชายแดนในปีที่ผ่านมา (2560) มีมูลค่ารวม 3,011.31 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกจำนวน 862.74 ล้านบาท และมูลค่าการนำเข้ามูลค่า 2,138.57 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องดื่มน้ำผลไม้ และน้ำอัดลม ทั้งนี้ การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว ยานพาหนะ และผู้เดินทางเข้าออกข้ามจุดผ่านแดนมีปริมาณและความถี่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้มีอัตราการเจริญเติบโตของการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวสูง และเป็นการเติบโตในระดับการค้าระหว่างประเทศ ที่มีรูปแบบที่หลากหลายทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณด้วย โดยคาดว่าในอีก 5  ปีข้างหน้าการเติบโตจะมีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท

 

ภายหลังการรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ขอให้ทำงานโดยความเป็นธรรม ทำทุกอย่างด้วยความเท่าเทียมถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนการทำงานกับเจ้าหน้าที่ชายแดนเพื่อนบ้านเน้นการพูดคุยเจรจาสม่ำเสมอ ร่วมกันพัฒนาให้การค้าขายระหว่างประเทศดียิ่งขึ้นไป โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ทักทายพี่น้องประชาชนกลุ่มพัฒนาสตรีอำเภอกาบเชิง ที่มาให้การต้อนรับว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาพบ การลงพื้นที่ในวันนี้ไม่ได้หวังผลประโยชน์ทางการเมือง แต่มาเพื่อเยี่ยมเยียนประชาชนเหมือนทุก ๆ จังหวัด และขอให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน นำเทคโนโลยีมาช่วยในการค้าขายออนไลน์ หาสินค้าที่มีคุณภาพ พร้อมกับให้ค้นหาศักยภาพที่แตกต่างของแต่ละพื้นที่เป็นจุดขาย นำมาขยายต่อเชื่อมโยงสู่กลุ่มภูมิภาค อย่าให้ใครผูกขาดการค้าขาย ที่สำคัญต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ในส่วนของบุตรหลาน ขอให้ช่วยพ่อแม่ทำงาน ร่วมกันสร้างครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกันที่ดี เป็นครอบครัวที่มีความสุขอย่างพอเพียง

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการค้าชายแดนช่องจอมมีมูลค่าที่เติบโตขึ้นนั้น เป็นเพราะการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล เน้นการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศซึ่งได้มีการพูดคุยเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดความร่วมมือซึ่งกันและกัน ทำให้เศรษฐกิจทั้งในระดับพื้นที่ ระดับท้องถิ่น และระดับภูมิภาคดีขึ้น สำหรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการต่าง ๆ นั้นรัฐบาลต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า และผลประโยขน์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ

 

โอกาสนี้ ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงกลุ่มสตรีได้ร้องเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” โดยนายกรัฐมนตรีได้ร่วมร้องเพลงและเดินทักทายอย่างเป็นกันเอง พร้อมกล่าวชมกลุ่มสตรีว่าร้องเพลงเพราะ ซึ่งเพลงนี้แต่งออกมาจากใจนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นการบิดเบือน และไม่ต้องการให้ใครมารักนายกฯ แต่ต้องการให้รักประเทศไทย จะทำอะไรขอให้อยู่ภายใต้กฎหมาย

 

——————–

 

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

 

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณ บ้านท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ แนะขอให้สร้าง Story ส่งเสริมจุดขาย คำนึงถึงการตลาดนำการผลิต

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณ บ้านท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ แนะขอให้สร้าง Story ส่งเสริมจุดขาย คำนึงถึงการตลาดนำการผลิต

 

วันนี้ (7 พฤษภาคม 2561) เวลา 11.00 น. ณ หมู่บ้านท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เยี่ยมชมหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณของบ้านจันทรโสมา บ้านท่าสว่าง พร้อมเยี่ยมชมผลงานของกลุ่มวิสาหกิจ กลุ่มแม่บ้านเกษตรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม กลุ่มผู้สูงอายุ บ้านพญาราม และเยี่ยมชมผลงานของสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ทัพไทย จำกัด บ้านทัพไทย ทั้งนี้ ทางจังหวัดได้นำช้างไทยแฝดเพศผู้คู่แรกของโลกชื่อ ทองคำกับทองแท่ง มาต้อนรับและมอบกระเช้าผักผลไม้ให้นายกรัฐมนตรี และแสดงการเล่นฮูลาฮูปให้ชม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บ้านท่าสว่าง และชุมชนโอทอป นวัตวิถี บ้านท่าสว่าง หมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยว

 

สำหรับการทอผ้าไหมยกทองโบราณของบ้านจันทรโสมา บ้านท่าสว่าง เป็นผ้ายกทอชั้นสูง เป็นลายแบบราชสำนักไทยโบราณ ความโดดเด่นเป็นผ้าทอมือสร้างลายต่าง ๆ อย่างงดงาม ผ้าผืนหนึ่งใช้เวลาในการออกแบบลวดลาย เขียนแบบเก็บตะกอนาน 2 – 3 เดือน และใช้เวลาทอนาน 1 – 3 เดือน ต้องใช้ช่างทอประจำกี่แต่ละกี่ 4 คนขึ้นไป ค่อย ๆ ทอ ได้ 5 – 7 เซนติเมตรต่อวัน ผ้าไหมแต่ละผืนทอจากเส้นไหมที่ย้อมจากสีธรรมชาติ  ยกเป็นลวดลายต่าง ๆ ตามจินตนาการ โดยในปี พ.ศ. 2546 รัฐบาลได้นำไปตัดเป็นเสื้อผ้าไหมให้ผู้นำต่างชาติ  ที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มเอเปกได้สวมใส่ นอกจากนั้นยังนำมาเป็นผ้าคลุมไหล่ถวายเป็นของขวัญที่ระลึกแก่พระราชอาคันตุกะนานาประเทศ ที่เสด็จพระราชดำเนินมาร่วมงานฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ส่งผลให้คนไทยทั้งประเทศและชาวต่างชาติได้ประจักษ์ถึงความงดงามของผ้ายกทอชั้นสูงหนึ่งเดียวในประเทศไทยจากฝีมือและภูมิปัญญาของชาวบ้านท่าสว่าง

 

ส่วนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม กลุ่มผู้สูงอายุ บ้านพญาราม เป็นกลุ่มสมาชิกที่ดำเนินการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้าจากเส้นไหมคุณภาพดี เส้นนุ่ม มันวาว รวมถึงแปรรูปผลิตภัณฑ์ด้านหม่อนไหมในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ สบู่ก้อนโปรตีนไหมผสมน้ำผึ้ง น้ำหม่อน โลชั่นโปรตีนไหม เซรั่มครีมโปรตีนไหม และการผลิตชามูลไหม ผลิตปุ๋ยมูลไหม เป็นต้น ทางด้านผลงานของสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ทัพไทย จำกัด เป็นระบบการทำเกษตรอินทรีย์ที่ชาวบ้านทัพไทยช่วยกันทำเพื่อจะได้ไม่ต้องพึ่งพาการใช้ปุ๋ยและยาจากภายนอก สินค้าที่ออกมาจากกลุ่มสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ทัพไทย จำกัด จึงเป็นสินค้าที่ปลอดจากสารเคมี 100 เปอร์เซ็นต์

 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างการเยี่ยมชมและกล่าวพบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับตอนหนึ่งว่า ในเมื่อบ้านเรามีของดีต้องสร้างเรื่องราว (Story) ให้ชัด สร้างจุดขาย เช่น ภูมิปัญญาท้องถิ่นนำมาสร้างนวัตกรรม พร้อมแนะให้บูรณาการด้านการขนส่ง ให้สามารถขายไปยังจังหวัดอื่นหรือต่างประเทศได้  และขอให้ใช้เทคโนโลยีรอบตัวให้เป็นประโยชน์ในการสร้างอาชีพสร้างรายได้ อย่าคิดทำแค่วันนี้ ต้องคิดให้ถึงอนาคต ปูทางไว้ให้ลูกหลานด้วย พร้อมขอให้ส่งเสริมเรื่องการตลาดนำการผลิต ผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องศึกษาความต้องการตลาดด้วย เช่น การเพาะปลูกก็ไม่ควรปลูกซ้ำ ๆ กัน เพราะจะเป็นการแย่งกันขาย แย่งรายได้กันเอง

 

ภายหลังการเยี่ยมชมและพบปะกับประชาชน นายกรัฐมนตรีและคณะได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกับปราชญ์ชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่น โดยผู้แทนเกษตรกรจากหมู่บ้านทัพไทยได้จัดข้าวอินทรีย์สายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นข้าวส่งออกของชุมชนจำนวน 4 สายพันธุ์ มาให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีร่วมรับประทานด้วย ได้แก่ ข้าวปะกาอำปึล ข้าวหอมมะลิ ข้าวผสม 5 สายพันธุ์ และข้าวกล้องมะลิแดง

 

—————————–

 

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

 

 

 

matemnews.com

7 พฤษภาคม 2561