“วันนี้หลายอย่างยังคิดคนละทาง ทำให้เหมือนสิ่งที่ผมพูดมากว่า 3 ปี ไม่จริงและไม่ใช่ ทั้งที่จริงๆ มันใช่เพราะผมดูแลจากข้างบน เราจึงต้องดึงสิ่งที่ก้าวผิดมาสู่จุดเริ่มต้นใหม่ให้ได้ มีการกล่าวถึงว่ามีการเอื้อประโยชน์ ยืนยันผมไม่เคยเอื้อประโยชน์เจ้าของบริษัทใดทั้งสิ้น หลายอย่างสับสนอลหม่านไปหมด ผมเกรงว่าสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อการเลือกตั้ง และการเป็นประชาธิปไตยในวันหน้า ดังนั้นรัฐบาลพยายามทำให้เกิดเป็นความเป็นธรรมในทุกด้าน แต่บางอย่างประชาชนอาจไม่เข้าใจ จึงขอให้ทุกคนช่วยกันทำความเข้าใจด้วย โดยเฉพาะเรื่องกฎหมาย และกฎกติกาสากล วันนี้ถึงมีบัตรผู้มีรายได้น้อยขึ้นมา เพื่อดูแลให้เข้มแข็ง และวันหน้าก็ต้องทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เราต้องแก้ปัญหาไม่ใช่โยนงบฯโครมๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จึงขอให้ทุกคนช่วยกันชี้แจงไม่เช่นนั้นก็จะติดอยู่แบบนี้ รวมทั้งเมื่อถึงเวลาหาเสียงก็จะกลับมาที่เดิม ทุกอย่างถอยหลังกลับที่เก่าหมด ผมไม่ได้พูดเอง แต่ได้ดูตำราต่างประเทศที่มีการสรุปมาแล้วว่า ประชาธิปไตย คือประชานิยม เพราะเป็นการเลือกคนที่ชื่นชม ชื่นชอบ ทำไงให้ชอบ มันเลยต้องให้ แต่ประชานิยมถ้าจะทำต้องมีประโยชน์ และต้องไม่มีผลต่อระบบการเงินการคลังของประเทศในอนาคต และไม่ใช่ให้โครมทั้งหมด ดังนั้นขอให้เข้าใจที่ผมพูดด้วย เพราะต้องการสื่อไปถึงประชาชนข้างนอก รวมถึงบรรดานักการเมืองต่างๆ ที่พยายามจะพูดอยู่ตอนนี้ คนที่ดีๆก็มี แต่ที่ไม่ดีก็มีจำนวนมาก ผมจึงเกรงว่าประชาชนจะเข้าใจผิดไปอีก ส่วนใหญ่คนมีรายได้น้อยจะสนใจเรื่องการเมืองและการเลือกตั้ง หากมีการบิดเบือนและไม่เข้าใจกันวันนี้แล้วใครเป็นคนไปเลือกตั้ง สุดท้ายจะกลับไปสู่ตรงไหน ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าวันหน้าใครจะเป็นรัฐบาล หรือผมจะเป็น เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ประชาชนเลือก ถ้าเรายังไม่เข้าใจกันแบบนี้แล้วผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรก็คิดเอาแล้วกัน ใครจะว่าผมก็ไม่ได้สนใจ มีการด่า และบิดเบือนอยู่ จึงอย่าบอกว่าผมปิดกั้นการเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ แต่บ้านเมืองจะวุ่นวายหรือไม่ต้องไปคิดกัน ไปแก้กันเอาเอง ถ้าคนเขาด่าท่าน ท่านก็ใช้กฎหมายหมิ่นประมาทใช่ไหม ดังนั้นหน่วยงานก็ต้องรักษาศักดิ์ศรี ถ้าเขาไม่ได้ทำแล้วไปว่าเขามากๆ ก็มีสิทธิป้องกันตัวเอง สื่อเองก็ต้องระวังตัว ผมไม่ได้ขู่สื่อ เดี๋ยวจะกลายเป็นนายกฯ ขู่สื่อ ทุกเรื่อง ปัด ฟุ้ง อะไรแบบนี้ มันไม่ควรใช้คำพูดแบบนี้ วันนี้สื่อพาดหัวข่าวอยู่ทุกวัน สิ่งที่เขาชี้แจงข้อเท็จจริงไปก็บอกปัด แทนที่ชี้แจงแล้วดีขึ้น กลายเป็นฟุ้ง แล้วมัน อะไรประเทศไทยมันเกิดอะไรขึ้น สื่อเป็นตัวชี้นำ วันนี้ก็บอกนายกฯ เป็นคนใจร้อน พูดจาไม่เข้าหูใคร ไม่รู้ระบายอารมณ์กับใครก็มาระบายกับสื่อ แล้วไม่ถามว่า ท่านยั่วอารมณ์ผมเท่าไหร่ อาทิตย์ไหนผมไม่อ่านหนังสือพิมพ์เลยผมมีความสุขจริงๆ วันนี้ผมเริ่มคัดออก ฉบับนี้ผมไม่อ่าน เพราะไม่เคยสร้างประโยชน์ให้กับเรา หรือให้กับประเทศเลย น้อยมากทุกคอลัมน์ เดี๋ยวจะถามประชาชนว่า หนังสือพิมพ์ฉบับไหนที่เชื่อมั่นมากที่สุด ไอ้ที่ดีๆ อยู่ข้างหลัง ข้างในเล็กๆ แล้วมันจะดีกับการค้าการส่งออกไหม การลงทุนของประเทศจะเกิดขึ้นไหม ไม่รับผิดชอบอะไรไม่ได้ ถ้าผมใช้อำนาจผมจริงๆ มันไม่มีหรอกเรื่องพวกนี้ แต่ผมไม่เคยทำสักครั้ง พูดแล้วเสียอารมณ์ วันนี้ถือโอกาสพูดคุยกัน ไม่ได้เครียดอะไร เพราะผมเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว จึงขอให้เข้าใจ ขอขอบคุณสื่อดีๆ รวมถึงนักการเมืองและพรรคการเมืองดีๆ ต้องหยอดกันไปหยอดกันมาบ้าง เพราะเวลาท่านหยอดผมเมื่อไหร่ก็แรงเหลือเกิน แต่ผมโกรธใครไม่ได้อยู่แล้ว”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งขณะ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2561 ที่ห้องโถงตึกสันติไมตรีทำเนียบรัฐบาล เช้า 24 ส.ค.2561
matemnews.com
24 สิงหาคม 2561