Home ไลฟ์สไตล์ By TipLife หมู่บ้านเหลียงเจียเหอในความผูกพันกับปธน.สีจิ้นผิง ตอนที่ 5

หมู่บ้านเหลียงเจียเหอในความผูกพันกับปธน.สีจิ้นผิง ตอนที่ 5

1102
0
SHARE

นอกประตูบ้านถ้ำ อู่ฮุยวัย 14 ปี สวมชุดเก่าขาด ตัวเล็กผอมแห้ง และมีอายุอ่อนกว่าสีจิ้นผิงหนึ่งปี เป็นนักเรียนมัธยมต้นคนหนึ่งในหมู่บ้านเหลียงเจียเหอตอนนั้นเข้าสู่ช่วงเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศหนาวจัด ภายในบ้านถ้ำหนาวเหมือนอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง เหล่าปัญญาชนหนุ่มสาวถามอู่ฮุยซึ่งยืนอยู่นอกประตูบ้านถ้ำว่า จุดไฟอุ่นเตียงนอนที่ก่อด้วยอิฐนี้เป็นหรือเปล่า อู่ฮุยตอบกลับทันควันว่า “ทำเป็นแน่นอน”

หลังจากนั้น อู่ฮุยก็กลายเป็นแขกที่มาเยือนบ้านถ้ำของปัญญาชนคนหนุ่มสาวเหล่านี้เป็นประจำ ปี 1973 อู่ฮุยกับสีจิ้นผิงสมัครสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยพร้อมกัน ผลปรากฏว่า อู่ฮุยสอบติดวิทยาลัยครุศาสตร์เหยียนอัน ก่อนแยกจากกันไป สีจิ้นผิงได้มอบคูปองอาหาร 30 ชั่งและเสื้อคลุมขนสัตว์สีน้ำเงินให้กับอู่ฮุย ซึ่งเสื้อคลุมตัวนี้หวังเยี่ยนเซิงได้ยกให้กับสีจิ้นผิงก่อนไปจากเหลียงเจียเหอ สีจิ้นผิงกล่าวกับอู่ฮุยว่า “เอาเสื้อคลุมตัวนี้ไปด้วย เมื่อถึงวิทยาลัยแล้วจะได้เอาไว้ใส่หรือจะใช้เป็นผ้าห่มก็ได้”

สำหรับสีจิ้นผิง ซึ่งสมัครสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยปีเดียวกับอู่ฮุย กลับถูกมหาวิทยาลัยชิงหวาปฏิเสธเนื่องจากปัจจัยด้านครอบครัว สองปีให้หลัง ปี 1975 มหาวิทยาลัยชิงหวาได้ให้โควตารับนักศึกษา 2 คนแก่เมืองเหยียนอัน ซึ่งสองโควตานี้ให้กับอำเภอเหยียนชวนทั้งหมด สีจิ้นผิงจึงมีโอกาสสมัครสอบอีกครั้ง ครั้งนี้ โรงงานผลิตวัสดุป้องกันไฟเมืองลั่วหยาง ที่สีจ้งซวิน ผู้เป็นบิดาซึ่งถูกปลดจากตำแหน่งผู้นำและต้องไปทำงานนั้นออกหนังสือยืนยันว่า “ปัญหาของสหายสีจ้งซวินเป็นความขัดแย้งในหมู่ประชาชน ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการศึกษาและการหางานทำของบุตร” หนังสือยืนยันนี้เป็นเสมือนใบอนุญาตผ่าน “ด่านตรวจสอบทางการเมือง” ซึ่งเคยเป็นอุปสรรคสำคัญที่ดูยากจะข้ามผ่านได้ ใกล้ถึงเวลาเปิดเรียนแล้ว สีจิ้นผิงยังยุ่งกับงานต่างๆ ในหมู่บ้าน และพิจารณาหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาฯ พรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขาหมู่บ้านเหลียงเจียเหอแทนตนเอง

สุยหวา เป็นชื่อเล่นของสือชุนหยาง เขาเป็นคนซื่อๆ เมื่อครั้งที่สีจิ้นผิงได้รับเลือกเป็นเลขาฯ พรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขาหมู่บ้านเหลียงเจียเหอ ก็ได้เสนอชื่อให้สือชุนหยางดำรงตำแหน่งกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขาหมู่บ้านด้วย แน่นอนว่าสือชุนหยางเป็นผู้ที่เหมาะสมในสายตาสีจิ้นผิง หลายวันผ่านไป สีจิ้นผิงเรียกประชุมสมาชิกพรรคฯ และเมื่อใกล้จบการประชุมแล้ว ท่านพูดว่า “ผมจะไปแล้ว งานเลขาฯ นี้ใครจะเป็นผู้รับช่วงต่อ เราต้องออกเสียงกัน สำหรับผมขอเสนอชื่อ สุยหวา” ปรากฏว่าทุกคนต่างเห็นชอบให้สุยหวามารับหน้าที่ต่อ สือชุนหยางกล่าวว่า “ผลการลงคะแนนนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าผมดีเด่นอะไรมากมาย แต่เพราะว่าคนในหมู่บ้านเชื่อมั่นในสีจิ้นผิง เมื่อเขาเสนอชื่อผม คนอื่นก็เลยเลือกผม” มีอีกเรื่องหนึ่งทำให้สือชุนหยางประทับใจมาก

สีจิ้นผิงดำรงตำแหน่งเลขาฯ พรรคฯ สาขาหมู่บ้านได้ไม่นาน ทางหมู่บ้านได้รับอาหารสงเคราะห์ แต่จะแบ่งสรรอย่างไรนั้น ยังมีความเห็นขัดแย้งมาก สีจิ้นผิงรู้ว่าชีวิตของชาวบ้านแต่ละคนล้วนไม่ง่าย จึงกล่าวว่า “เราไปตระเวนดูตามบ้านของแต่ละครอบครัว ใครควรได้มากได้น้อยก็จะรู้ได้เอง”

วันนั้นตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 5 สีจิ้นผิงพาสหายทั้งหลายไปเยี่ยมทุกครัวเรือน และได้ทราบถึงสภาพที่เป็นจริงของแต่ละบ้าน หากครอบครัวไหนมีความเป็นอยู่ที่ขัดสนมากก็แบ่งให้มาก ซึ่งทุกคนต่างก็ยอมรับด้วยดี เรื่องนี้ทำให้สือชุนหยางประทับใจมาก เขาพูดว่า “การทำงานที่เข้มงวดรอบคอบเช่นนี้ ทำให้ใครก็ไม่อาจจะฉวยโอกาสเพื่อประโยชน์ส่วนตัวได้ หากคนเราเห็นแก่ตัว ก็ไม่อาจจะปฏิบัติหน้าที่อย่างยุติธรรมได้ ชาวบ้านก็จะไม่เชื่อมั่น มีเพียงการลงมือปฏิบัติที่เป็นไปอย่างยุติธรรมและแก้ปัญหาได้จริง ทุกคนจึงจะยอมรับ”

วันที่ 7 ตุลาคม ปี 1975 เป็นวันที่สีจิ้นผิงต้องลาจากเหลียงเจียเหอ เช้าวันนั้น เมื่อท่านเปิดประตูบ้านถ้ำ พบว่าลานหน้าบ้านและริมทางเดินมีคนยืนอยู่เต็มไปหมด ทั้งผู้ใหญ่ เด็ก และผู้สูงอายุ คนทั้งหมู่บ้านมาส่งท่าน บ้างถือพุทรา บ้างถือข้าวฟ่าง มายืนรออยู่เงียบๆ สีจิ้นผิงเห็นแล้วก็น้ำตาไหลทันที วันนั้น คนในหมู่บ้านไม่มีใครปีนเขาไปทำไร่ ต่างมายืนต่อแถวคอยส่งสีจิ้นผิงเป็นระยะทางถึงกว่า 10 ลี้