Home ประเด็นร้อนโซเชียล ฟังอีกด้าน!! สัตวแพทย์ เผย เคลื่อนย้าย เจ้าแก้ว เป็นผลดีกับตัวมันเอง

ฟังอีกด้าน!! สัตวแพทย์ เผย เคลื่อนย้าย เจ้าแก้ว เป็นผลดีกับตัวมันเอง

953
0
SHARE

จากกรณี เจ้าแก้ว หมีดำที่ถูกเลี้ยงไว้ในวัดและเกิดเหตุขย้ำคนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ภายหลังจึงเป็นที่มาให้ชาวเน็ตรู้สึกสงสารเพราะมันกำลัจะถูกย้ายจากวัดไปอยู่ที่อื่น เกี่ยวกับเรื่องนี้ทาง สัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หรือ หมอล็อต ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัว ภัทรพล ล็อต มณีอ่อน ระบุว่า..

Lotter: Win – Win โชคดีกันถ้วนหน้า
โชคดีของป้าและพระ ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายจากเจ้าแก้ว หลังจากที่ทำร้ายคนจนสาหัส ซึ่งนั่นหมายความว่า สภาพแวดล้อมเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของเจ้าแก้ว และความเครียดที่สะสมมาเป็นเวลานาน การทำร้ายคน เป็นตัวชีวัดอย่างหนึ่งว่า สัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่ากำลังกลับคืนมา ได้กัด ได้ขย้ำ ได้คาวเลือด ต่อไปก็ไม่แยกว่าใครเป็นใคร ต่อให้มั่นใจว่าคุ้นเคยแค่ไหนก็อย่าเผลอละกัน ส่วนสำนักสงฆ์เองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดหาค่าอาหารอีกต่อไป จริงๆตามข้อกำหนดที่ฝากเลี้ยงไว้ ๕ ปี ก็จะครบกำหนดในเดือนกันยายนนี้ ยังไงก็ต้องเอาไปเลี้ยงในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติของแผ่นดิน (มานานแล้ว) คิดถึงก็ไปเยียมแก้วได้ ไปช่วยกันออกแบบสถานที่ใหม่ให้แก้วอยู่ยังไงที่เค้าชอบก็ยังได้

โชคดีของผู้ประสบเหตุ ที่ไม่ถึงกับเสียชีวิต ส่วนสาเหตุของการตกลงไปเพราะอะไรนั้นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะถ้าถึงขนาดเสียชีวิต หรือ มีการใช้วิธีการแบบในต่างประเทศ คือยิงสัตว์เพื่อรักษาชีวิตคนในขณะเกิดเหตุ ชายคนนี้คงเป็นจำเลยสังคม และแก้วเองก็คงไม่พ้นข้อกล่าวหานี้เช่นเดียวกัน

โชคดีของแก้ว ถ้าหากมีการตัดสินใจเหมือนกรณีที่เราพบเห็นในต่างประเทศ แก้วก็คงถูกใช้วิธีการเดียวกัน

โชคดีของแก้วที่ได้ไปอยู่ในพื้นที่ที่มีแต่พวกพ้อง มีการจัดสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ เผลอๆได้พบรักครั้งแรก กับตัวไหนสักตัว ที่ไม่ใช่ฝูงหมูป่า
ตามสรีระวิทยา สัตว์ป่าที่อยู่ในภาวะเป็นสัด ก็อารมณ์แปรปรวนเช่นกัน นี่อายุ 6 ปีกว่า มันก็ต้องมีบ้างละ อย่าให้แก้วเค้าคิดว่ามีเค้าอยู่ตัวเดียวในจักรวาลหมูป่าเลยครับ

โชคดีของแก้วที่ได้รักษาตาและฟันที่ผุหลายซี่ จากการกิน แอ๊ปเปิ้ล องุ่น แยมโรล และอื่นๆที่ไม่ใช่อาหารหรือโภชนาการที่เหมาะสม เห็นได้ชัดว่าแก้วเป็นโรคอ้วน ฟันมีแต่หินปูน ปัญหาที่ตาเกิดจากภาวะเบาหวานรึป่าวก็ไม่รู้ นี้แค่อาการป่วยที่เห็นจากภายนอกเท้านั้นนะ

โชคดีของแก้วที่ได้ตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ ตรวจสุขภาพ เพราะอยู่ร่วมกันกับฝูงหมูป่า ที่เป็นสัตว์คนละชนิดกัน มีเชื้อโรคเฉพาะตัว เชื้อโรคเหล่านี้ติดสู่แก้วได้เต็มๆ สักเกตุภายนอก แก้วก็เริ่มขนร่วงและเป็นขี้เรื้อนตามตัวบ้างแล้ว ป้าและพระที่อยู่กับแก้วและหมูป่าก็ควรได้รับการตรวจสุขภาพด้วย ดูจากสถาพพื้นที่แล้ว ก็น่าห่วงอยู่

โชคดีของแก้วที่มีคนรักคนห่วงใย ใครคิดถึงก็ไปเยี่ยมเยียนแก้วได้ที่สถานี มีหมอแสนสวย มีเจ้าหน้าที่ดูแลจัดการเรื่องสวัสดิภาพ การปรับโภชนาการ ปรับพฤติกรรม และแก้วยังเป็น Idol ของหมีอีกหลายๆตัวที่เลี้ยงอยู่ในวัดหรือสำนักสงฆ์หลายที่ว่า ไม่ใช่ที่ที่สัตว์ป่าเหล่านี้ควรไปอยู่ สิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้เสมอ และที่สำคัญ “ผิดกฎหมาย”

โชคร้ายของเจ้าหน้าที่ ที่ทำตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด ตามความต้องการของสังคมว่า ต้องเป็นธรรมและไม่ปล่อยปละละเลยและไม่เลือกปฎิบัติ กลับกลายเป็นว่า พอทำตามหน้าที่ก็ถูกตำหนิ ดุด่าว่ากล่าว จนลืมในเรื่องเหตุและผล อย่างเช่นตอนนี้ที่มีภาพแก้วนั่งซึมในห้อง ก็คิดไปว่า แก้วเหงา อยากกลับวัด ไม่กินอาหาร ทั้งๆที่แก้วซึมเพราะฤทธิ์ยาสลบยังไม่หมด หมดฤทธิ์ยังไงก็กิน และในพื้นที่ที่แก้วอยู่นั้น คือห้องกักและตรวจโรคสักระยะหนึ่ง อย่างที่เกริ่น แก้วเสี่ยงต่อโรคติดต่อหลายชนิด การจะเอาไปใว้รวมกันกับหมีตัวอื่นๆอาจนำโรคติดสู่กันได้
กระบวนการและความรอบคอบมันมีตามหลักวิชาการ เจ้าหน้าที่หลายคนน้อยใจ ถูกตำหนิ
พระ ป้า หมี คนเจ็บ ต่างก็โชคดี ขอแค่ทุกคนเข้าใจการปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ “เค้าก็จะโชคดีด้วยเช่นกัน” จุ๊บๆ

#SurvivalTogether

ที่มา ภัทรพล ล็อต มณีอ่อน