“อนาลิส มิเชล” เป็นหญิงสาวผู้ที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันในระหว่างวงการความเชื่อกับวงการจิตแพทย์มาอย่างยาวนาน
นั่นเพราะเด็กสาวคนนี้คือผู้ถูกทำพิธีไล่ผีถึง 67 ครั้ง จนในที่สุดก็เสียชีวิตไปนั่นเอง
อนาลิส มิเชล (Anneliese Michel) เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ปี 1952 ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี และเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ค่อนข้างเคร่งในศาสนามาก ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็มีชีวิตอย่างปกติเรื่อยมา
แต่แล้วในปี 1968 ในช่วงเวลาที่เธออายุได้ 16 ปี เรื่องราวแปลกๆ ก็ได้เกิดขึ้นกับเด็กสาวคนนี้จนได้ โดยเธอนั้นเริ่มมีอาการหมดสติที่โรงเรียน และบ่อยครั้งก็มักจะเดินไปเดินมาราวกับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
อาการของเธอนั้นทำให้ทางครอบครัวส่งเธอไปยังโรงพยาบาลหลังจากนั้น และผลการตรวจสอบของทางทีมแพทย์เองก็บอกว่าเธอนั้นมีอาการโรคลมชักกลีบขมับ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการประสาทหลอน หรือแม้กระทั่ง การเสียความทรงจำได้เลย
แน่นอนว่ามิเชล เข้ารับการรักษาด้วยยาหลายชนิดตั้งแต่วันนั้น แต่สุดท้ายอาการของเธอก็ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเลย ดังนั้นในปี 1973 เมื่อเธอเริ่มประสาทหลอนคุยกับ “ปีศาจ” ทางบ้านของเธอก็เริ่มเชื่อว่าจริงๆ แล้วเด็กสาวน่าจะถูกสิงมากกว่า
พ่อแม่ของมิเชลรีบออกตามหาบาทหลวงมาช่วยลูกสาวทันทีหลังจากนั้น และแม้ว่าจะมีบาทหลวงหลายคนปฏิเสธว่ามิเชลไม่ได้โดนผีสิง สุดท้ายแล้วพวกเขาก็หาบาทหลวงมาทำพิธีไล่ผีใช้กับมิเชลจนได้
นั่นทำให้ตลอดระยะเวลา 10 เดือนหลังจากนั้นมิเชลก็ต้องเข้ารับการไล่ผีครั้งแล้วครั้งเล่า และในแต่ละครั้ง “วิญญาณ” ที่มาสิงเธอก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ ปีศาจ ลูซิเฟอร์ คาอิน (ฆาตกรคนแรกตามคัมภีร์ไบเบิล) ยูดาส (ผู้ขายพระเยซู) กษัตริย์เนโร หรือแม้กระทั่ง ฮิตเลอร์
การไล่ผีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นส่งผลร้ายกับร่างกายของมิเชลมาก เธอคุกเข่าสวดภาวนานานจนกระดูกหัก อาละวาดจนได้รับบาดเจ็บและถูกล่าม แถมเมื่อเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มที่จะทานอาหารน้อยลงไปเรื่อยๆ
นั่นทำให้ในที่สุดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1976 ร่างกายของเด็กสาวก็ทนไม่ไหว และมิเชลก็ต้องจากโลกนี้ไปด้วยอาการขาดสารอาหาร และขาดน้ำรุนแรง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ทางครอบครัวและบรรดาบาทหลวงที่ทำพิธีให้กับเธอถูกศาลตัดสินในข้อหาฆาตกรรมทันที แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็สามารถหลีกเลี่ยงการติดคุกได้ในที่สุด
ดูเหมือนว่าคำตัดสินในครั้งนี้จะมาจากการที่ ศาลมองว่าการที่พวกเขาต้องสูญเสียลูกสาว (และผู้ศรัทธาที่ตนพยายามจะช่วย) เป็นเรื่องที่ “เจ็บปวดมากพออยู่แล้ว” นั่นเอง
ที่มา catdumb , allthatsinteresting